Our score
9.0[รีวิวเกม] “Sayonara Wild Hearts” อีก 1 เกมแนว Rhythm ที่ยอดเยี่ยมที่สุด!!
จุดเด่น
- เกมเพลย์แหวกแนว หลากหลาย เล่นได้ไม่มีเบื่อ
- มุมกล้องและแอนิเมชันลื่นไหลตลอดการเล่น
- เพลงเพราะมากกกกกกกก
- เนื้อเรื่องดี น่าติดตาม
จุดสังเกต
- เกมค่อนข้างไวอาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็น motion sickness
- เกมสั้นมาก ใช้เวลาแค่ชั่วโมงนิด ๆ ก็จบเกมได้แล้ว
Sayonara Wild Hearts คือเกมที่ผมได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว เพราะเกมนี้เป็นอีก 1 เกมที่ได้เข้าชิงรางวัล best indy game ในปี 2019 แต่ด้วยความที่ตอนนั้นผมอาจจะติดธุระหรือจมอยู่กับเกมอื่นเลยไม่ได้มีโอกาสมาลองเล่นสักที จนกระทั่งวันนี้ในที่สุดผมก็ได้เล่นเกมนี้จนจบ และก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเกมนี้ถึงได้เข้าชิงรางวัลด้วย ประสบการณ์การเล่นตลอด 1 ชั่วโมงนิด ๆ ของเกมนี้แม้จะสั้นมากแต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
SAYONARA WILD HEARTS | Launch Trailer
สามารถเล่นเกมนี้ได้ผ่านช่องทาง PS4 , Nintendo Switch , iOS (Apple Arcade) , PC (Steam)
*ปล.รีวิวนี้ผู้เขียนเล่นผ่านระบบ iOS (Apple Arcade)
GAME ABOUT
Sayonara Wild Hearts เกมจากผู้พัฒนา Simogo ที่ภาพรวมเป็นเกมแนว Rhythm จับจังหวะเล่นตามเสียงเพลง แต่ทว่าตลอดการเล่นเกมนี้จะไม่ได้ให้อารมณ์เหมือนได้เล่นเกม Rhythm ทั่ว ๆ ไป เพราะแนวเกมจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามสตอรี่และบทเพลง จากที่ผมเล่นจบไปแนวเกมเปลี่ยนไปมากกว่า 10 ครั้งเลยทีเดียว แต่ก็เป็นการเปลี่ยนที่ยังไม่หลุดธีมของเกม ทำให้ตลอดการเล่นมีแต่ความแปลกใหม่ใส่เข้ามาหาคุณแบบไม่ยั้ง เล่นได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อเลย
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีเนื้อเรื่องให้ผู้เล่นได้เสพและตีความเอาเอง นั่นจึงทำให้ผมไม่สามารถพูดอะไรได้มาก นอกจากต้องลองไปเล่นด้วยตัวเองและสรุปเรื่องราวที่เราเข้าใจดูครับ ทุกด่านทุกบทเพลงล้วนมีสตอรี่เป็นของตัวเองและทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากสำหรับเกมแนว Rhythm ที่ส่วนมากจะไม่ได้โฟกัสถึงสตอรี่สักเท่าไหร่นัก
GAME PLAY
กราบความครีเอตของผู้พัฒนาจริง ๆ สุดมาก
สำหรับเกมเพลย์ของเกมนี้ถือว่าพูดยากมาก เพราะผมเริ่มไม่รู้แล้วว่ามันคือเกมแนวอะไรกันแน่? จะว่าแนว Rhythm (จับจังหวะตามเพลง) ก็ไม่ได้ขนาดนั้น เพราะตัวเกมมันเปลี่ยนระบบเกมเพลย์แทบจะตลอดเวลา ผมจะยกตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัด ๆ นะครับ เช่นในช่วงแรก ๆ นั้นตัวเกมจะออกแนวให้เราคอนโทรลตัวละครซ้ายขวาเพื่อเก็บหัวใจหรือหลบสิ่งกีดขวางไปจนจบ แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะมีให้กดตามจังหวะเพื่อให้ตัวละครเราออกแอ็กชันต่าง ๆ ตามสตอรี่ หรือบางทีก็แหวกแนวไปกลายเป็นแบบเกม Arcade shooting เลยก็มี และยังมีแนวอื่น ๆ แทรกมาให้เล่นอีกเพียบ
จากที่ผมลองนับดูเกมนี้เปลี่ยนแนวเกมไปมากว่า 10 ครั้งเลยทีเดียว ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ประสบการณ์การเล่นเกมนี้คือมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจแทบจะตลอดเวลา เหมือนซื้อเกมเดียวแต่ได้เล่นเกมเป็น 10 เกมเลย จนบางครั้งเล่นจนจะจบอยู่แล้วก็ยังตกใจว่านี่ยังสามารถใส่เกมเพลย์ใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาได้อีกเหรอเนี่ย นี่มันเกมปล่อยของชัด ๆ
เสียงเพลงเพราะมาก
คุณเคยเจอกับเหตุการณ์เวลาไปกินข้าวนอกบ้านแล้วบังเอิญไปได้ยินเสียงเพลงที่ร้านเปิดโดยที่เราไม่รู้จักเพลงนั้น แต่กลับรู้สึกว่าเพลงมันเพราะและติดหูแบบแปลก ๆ จนอยากกลับบ้านมาหาเพลงนั้นฟังบ้างรึเปล่า? เกมนี้จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นเลย ทุกเพลง ทุกบีท ของเกมนี้ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังสื่ออารมณ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของเนื้อเรื่องภายในเกมด้วย แม้เพลงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีเนื้อร้องแต่ก็สามารถทำให้ผู้เล่นติดหูได้ ถึงขั้นผมต้องหาเพลงในเกมนี้มาฟังเพลิน ๆ ตอนทำงานเลยล่ะ แนะนำเวลาเล่นเกมนี้ควรใส่หูฟังนะครับเพื่อให้ได้อรรถรสแบบเต็มที่
บอสไฟต์หลากหลาย สู้สนุกทุกตัว
เกมไม่ได้มีแค่วิ่ง ๆ เก็บเหรียญหลบหลีกสิ่งกีดขวางนะครับ เกมนี้มีบอสไฟต์กับเค้าด้วยนะเออ ซึ่งการสู้บอสในเกมนี้ก็ครีเอตเกมเพลย์ออกมาได้เฉพาะตัวและเล่นสนุกมาก ๆ ซึ่งบอสแต่ละตัวก็จะมีสตอรี่และวิธีรับมือที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน เอาเป็นว่าผมจะไม่ยกตัวอย่างละกันว่าวิธีการสู้บอสนั้นมีอะไรบ้าง เพราะนี่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของเกมเพลย์เลย การรู้สปอยล์ก่อนอาจจะทำให้ตัวเกมหมดสนุกไประดับนึงเลยก็ได้
เกมมีตัวช่วย กันไม่ให้เราหัวร้อนเมื่อตายบ่อย ๆ
อันนี้ถือว่าเป็นจุดที่ดีของเกมเพื่อกันไม่ให้ผู้เล่นเกิดอาการหัวร้อนระหว่างเล่น นั่นก็คือเมื่อเราตายตรงจุดเดิมหลาย ๆ รอบเล่นเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านสักที ตัวเกมจะทำการขึ้นปุ่ม Skip ซีนนั้นได้เลย คือเราจะสามารถข้ามตรงจุดที่เราเล่นไม่ผ่านได้ในทันที ถ้าใครที่เน้นความท้าทายหรือไม่อยากเสียคะแนนบางอย่างไปก็ไม่ต้องกดก็ได้ แต่ถ้าอยากเล่นเอาเนื้อเรื่องหรือเล่นไม่ไหวจริง ๆ ยอมแพ้แล้ว จุดนี้ก็ถือว่าช่วยได้เยอะมาก ๆ
จุดสังเกต
จุดสังเกตแรงเลยก็คือเกมนี้สั้นมากและสามารถเล่นจบได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมงนิด ๆ แต่ก็มีคุณค่าให้กลับมาเล่นซ้ำในด่านเดิม ๆ ได้หากต้องการจะทำชาเลนจ์กับตัวเอง โดยในแต่ละด่านแต่ละเพลงนั้นจะมีคะแนนถูกแบ่งเป็น 3 แรงก์ได้แก่ Bronge Silver และ Gold (สูงสุด) ซึ่งการจะเล่นให้ได้คะแนนระดับ Gold ในแต่ละด่านถือว่ายากมาก ๆ หากเล่นแค่รอบเดียว
อย่างที่ 2 คือเกมเพลย์เกมนี้ไวมาก ๆ บวกทั้งยังมีกราฟิกที่เป็นสีนีออนกะพริบไปมา รวมไปถึงการเปลี่ยนมุมกล้องและรูปแบบเกมเพลย์อย่างรวดเร็ว ทำให้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็น motion sickness เท่าไหร่
GRAPHIC
โดยรวมกราฟิกของเกมนี้ให้อารมณ์ที่ไม่เหมือนใครมาก ๆ ทำให้มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ความรู้สึกใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่เห็น แอนิเมชันการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ลื่นไหลไร้จุดสะดุดตา การออกแบบฉากและสีแม้จะมีปวดตาบ้างเมื่อเล่นไปนาน ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันงดงามราวกับเรากำลังนั่งเสพงานศิลป์อยู่เลย
มุมกล้องภายในเกมทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ไม่ได้มีแค่เกมเพลย์เท่านั้นที่เปลี่ยนไปตลอดการเล่น มุมกล้องเองก็มีการพลิกแพลงเปลี่ยนไปมาให้เราผู้เล่นรู้สึกหวือหวาแทบจะตลอดเวลา บ้างก็เปลี่ยนจากมุม Third-Person เป็น First-Person บ้าง ไม่ก็ฉีกกลายเป็นแนว Side Scrolling หรือไม่ก็กลายเป็นมุมกล้องแบบเกม Arcade ไปเลย
แต่ด้วยความที่เกมเพลย์ไวและการใช้สีแบบนี้ทำให้เราค่อนข้างมองสิ่งต่าง ๆ ได้ยากมาก อย่างเช่นแต้มหัวใจที่เราสามารถเก็บได้ตามฉาก ถ้าไม่เพ่งตามองดี ๆ นี่คือแทบมองไม่เห็นเลย หรือบางอุปสรรคที่โผล่มาขวางทางเราก็กลมกลืนไปกับฉากแยกออกยากมากจนเผลอพุ่งชนตายก็บ่อย แต่ก็ถือว่าเป็นความท้าทายให้ผู้เล่นได้จดจำเส้นทางเพื่อกลับมาชาเลนจ์เล่นซ้ำเก็บคะแนนอีกครั้งนึง
สรุป
Sayonara Wild Hearts คืออีก 1 เกมที่คอเกมอินดี้ห้ามพลาดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คือถ้ามีเวลาว่างก็ควรหาเกมนี้มาลองเล่นเลย แม้ตัวเกมจะสั้นไปหน่อยสามารถจบเกมได้ภายในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ประสบการณ์การเล่นเกมที่คุณจะได้รับจากเกมนี้คือไปสุดทางจริง ๆ นอกจากนี้ตัวเกมยังมีคุณค่าให้นำกลับมาเล่นซ้ำได้เรื่อย ๆ สำหรับใครที่ชอบทำชาเลนจ์แข่งกับตัวเองน่ะนะ
แต่ทว่าเกมเพลย์ค่อนข้างไวพอสมควรทำให้อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็น motion sickness เท่าไหร่นะครับผม เกมราคาไม่ได้แพงมากหลักร้อยเท่านั้น ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ สำหรับเกมที่มีเกมเพลย์สนุกและแหวกแนวขนาดนี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส