Our score
7.3[รีวิวเกมวีอาร์] ปลุกความป่าเถื่อนในตัวคุณผ่านเกม “GORN” รับประกันความ โหด มัน ฮา!!
จุดเด่น
- ระบบต่อสู้สนุกสะใจ มีความยืดหยุ่นสูง
- อาวุธหลากหลาย เลือกเล่นได้ตามสไตล์แต่ละคน
- เล่นง่าย ไม่มีความซับซ้อน
- ภาพ 3D ช่วยลดความรุนแรงได้เยอะพอสมควร เด็กก็น่าจะพอเล่นได้
จุดสังเกต
- คอนเทนต์ค่อนข้างน้อย จบได้ใน 2-3 ชั่วโมง
- มีบักให้พบเห็นอยู่บ้าง
ในยุคนี้มีหลากหลายเกมที่เหล่าผู้พัฒนาสรรสร้างมาเพื่อตอบสนองผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ที่ไม่ได้ต้องการเกมที่มีความซับซ้อนหรือเน้นเรื่องราวอะไรมากมายนัก ขอแค่ได้เข้ามาเล่นเอามันก็เพียงพอแล้ว
วันนี้ผมก็จะมานำเสนอเกมที่มีชื่อว่า “GORN” เกมที่ถูกสร้างมาเพื่อเหล่าบรรดาเกมเมอร์ขาโหดโดยเฉพาะ สำหรับใครที่มีเครื่องเกมวีอาร์อยู่ในมือก็ขอให้ลองอ่านรีวิวเกมนี้ดูก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อนะครับผม
ปล.รีวิวนี้ผู้เขียนเล่นผ่านเครื่อง oculus quest 2
GORN – Now Available on Oculus Quest
“คำเตือน ภาพประกอบต่อไปนี้อาจจะมีความรุนแรงในระดับนึง”
ABOUT THIS GAME
GORN นิยามของเกมนี้คือมันเป็นแนว Action Simulation VR เกมจากทีมพัฒนา Free Lives ที่จะให้เราได้เข้ามาสวมบทบาทเป็นกลาดิเอเตอร์ต่อสู้เพื่อชิงความเป็นหนึ่งในสนามประลองอันดุเดือด ซึ่งผู้เล่นลืมเรื่องการเสพสตอรี่ของเกมนี้ไปได้เลย เพราะสิ่งที่โดดเด่นของเกมนี้คือการต่อสู้สุดโหด โหดขนาดที่ว่าคือเราจะสามารถฟันชิ้นส่วนศัตรูขาดกระเด็นได้แทบทั้งหมด ทุบศัตรูจนหัวแบะ เลือดสาดกระจายเต็มจอ ตะลุมบอนต่อสู้กันเพื่อหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยอาวุธมากมายหลายชนิด
GAME PLAY
เงื่อนไขการชนะเพียงอย่างเดียว จงรอดเป็นคนสุดท้ายให้ได้
คอนเซปต์ของเกมนี้ก็เป็นอะไรที่เข้าใจง่ายแสนง่าย โดยตัวเกมจะให้เราไต่หอคอยขึ้นไปเรื่อยซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ชั้น และแต่ละชั้นก็จะมีห้องสำหรับเข้าไปต่อสู้ เราจะต้องเคลียร์ศัตรูที่อยู่ในห้องของแต่ละชั้นให้หมดก่อนถึงจะสามารถปลดล็อกและสามารถไต่ขึ้นไปในชั้นถัดไปได้ (ยิ่งชั้นสูงก็จะยิ่งยาก) โดยแต่ละห้องจะประกอบไปด้วยจำนวนศัตรูมากมายที่จะมาเป็นเวฟ ๆ และมีอาวุธให้เราได้ใช้แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือในทุกห้องจะจบลงด้วยการสู้บอสเสมอ หน้าที่ของเราก็คือต้องยืดหยัดต่อสู้และเป็นผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายให้ได้ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนจบเกม
แอ็กชันเรียบง่าย มีความยืดหยุ่นสูง
สำหรับระบบ Combat (ต่อสู้) ของเกมนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนจนออกจะดูเรียบง่ายเกินไปด้วยซ้ำ ก็แค่ใช้มือทั้ง 2 ของเราหยิบอาวุธและเข้าไปฟาดฟันใส่ศัตรูจบ!! แต่ไฮไลต์ของเกมนี้ก็คือทุกชิ้นส่วนของศัตรูอย่างแขน ขา หัว เราสามารถทำลายได้หมด ยกตัวอย่างเช่นเราสามารถฟันแขนของศัตรูให้ขาดมันจะได้ถืออาวุธโจมตีเราไม่ได้ หรือจะสกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูโดยการตัดขาของมันทิ้งก่อนก็ได้ หรือจะปิดงานโดยการทุบหัวมันให้ตายเลยก็ได้เช่นกัน ก็ถือว่าเราสามารถคิดแผนในการรับมือกับศัตรูที่ถาโถมเข้าหาเราได้หลากหลายวิธีตามสไตล์ของผู้เล่นแต่ละคนเลย
แต่จุดที่ผมชอบมาก ๆ เลยก็คืออาวุธภายในเกมนี้มีให้เลือกใช้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นของฟรีที่มีให้เราใช้ตอนเริ่มด่าน หรือจะแย่งอาวุธจากมือของศัตรูเลยก็ยังได้ ซึ่งอาวุธก็มีมากมายหลากหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ดาบสั้น ดาบ ขวาน หอก หรือแม้แต่อาวุธระยะไกลอย่างธนูก็มีให้ใช้เช่นกัน และเมื่อยิ่งเล่นไปในด่านที่สูงขึ้นก็จะยิ่งมีอาวุธแปลก ๆ ให้เราได้ใช้งานได้เยอะตาม หรือถ้าใครอยากชาเลนจ์ตัวเองก็อาจจะใช้แค่หมัดของเราเพียว ๆ ในการจัดการศัตรูก็สามารถทำได้เช่นกัน แถมเรายังสามารถจับศัตรูเหวี่ยงหรือจิกหัวต่อยได้ด้วยนะ บอกเลยว่าสะใจมาก (ฮา)
ไม่มีหลอดเลือด ฮิลตัวเองด้วยการฆ่าศัตรู
สำหรับเกมนี้นั้นทั้งเราและศัตรูจะไม่มีหลอดเลือดแสดงให้เห็นทั้งนั้น ซึ่งถ้าเราพลาดโดนโจมตีแม้แต่ทีเดียวหน้าจอของเราจะกลายเป็นสีแดงและเตรียมนับถอยหลังรอเวลาตายทันที โดยวิธีแก้นั้นจะสามารถทำได้โดยวิธีเดียวเท่านั้นนั่นก็คือต้องรีบฆ่าศัตรูให้ได้ก่อนที่เราจะตาย สรุปง่าย ๆ ก็คือถ้าเราโดนโจมตี เราต้องรีบฆ่าศัตรูให้ได้ เพราะถ้าฆ่าไม่ทัน เราจะตาย
ศัตรูหลากหลายรูปแบบ ที่ต้องใช้วิธีรับมือแตกต่างกัน
สำหรับเกมนี้หน้าตาศัตรูจะมีแต่แบบเดิม ๆ แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือศัตรูบางตัวมันจะสวมชุดเกราะอยู่ ทำให้การโจมตีเราสร้างดาเมจโดยตรงใส่ศัตรูได้ยากขึ้น ผู้เล่นจำเป็นต้องหาวิธีรับมือกับศัตรูในรูปแบบต่าง ๆ โดยอิงกับอาวุธในมือของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นหากเราใช้ดาบ การฟันอาจทำลายเกราะมันไม่ได้ แต่เราจะสามารถแทงช่องโหว่ของเกราะของศัตรูที่เป็นเนื้อได้แทน หรือถ้าเราใช้อาวุธหนัก ๆ ก็อาจจะสามารถทุบทำลายเกราะของมันได้โดยตรง หรือบางทีศัตรูบางตัวอาจจะไม่ได้ใส่เกราะส่วนขา เราก็อาจจะสามารถตัดขามันให้ล้มก่อนได้แล้วค่อยเข้าไปซ้ำให้ตาย เป็นต้น ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก มีความยืดหยุ่นในการเล่นตามสไตล์ของแต่ละคนไปเลย
ปรับการเคลื่อนไหวให้เหมาะกับตัวเรา
อันนี้เป็นข้อแนะนำที่สำคัญมาก ๆ สำหรับใครที่มีอาการเป็น motion sickness ผมขอเตือนก่อนเลยว่าให้ศึกษาและปรับแต่งการบังคับตัวละครของเราก่อนลงสนามจริงเพื่อให้ไม่เกิดอาการเมามุมกล้องขณะเล่น ซึ่งตัวเกมก็มีระบบให้ปรับมากมายไม่ว่าจะสำหรับคนถนัดซ้าย ขวา สามารถเคลื่อนไหวโดยการแกว่งแขนเดินก็ได้ หรือจะควบคุมผ่าน analog ก็ได้เช่นกัน
ถ้าไม่ปรับให้เข้ากับสายตาตัวเองบอกเลยว่าเล่นเสร็จปวดหัวแน่นอน เพราะตัวเกมค่อนข้างจะจำเป็นต้องเคลื่อนไหวตัวเองตลอดเวลา
ข้อสังเกต
อย่างแรกเลยก็คือตัวเกมสั้นมาก สามารถเล่นจบได้ภายในเวลา 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น อารมณ์แบบสู้กำลังมัน ๆ อ้าวจบแล้วเหรอ (ฮา) ก็ถ้าถามว่าตัวเกมคุ้มค่าที่จะเล่นซ้ำได้มั้ย? ผมก็จะตอบว่าเล่นซ้ำได้ครับ แค่เข้ามาฟัน ๆ ตี ๆ เอามันก็สะใจดีเหมือนกัน แต่ชนิดของศัตรูหรืออาวุธก็จะไม่มีเพิ่มเติมมากไปกว่าตอนเล่นรอบแรกแล้วครับ
อีกจุดนึงก็คือตัวเกมยังมีบักให้พบเห็นอยู่บ้าง โดยเฉพาะการจับอาวุธที่บางครั้งมันก็จะบักอาวุธที่เราถืออยู่มีตำแหน่งจับที่เพี้ยน ๆ ไม่ตรงกับมือของเรา วิธีแก้บักก็ง่าย ๆ แค่วางแล้วหยิบขึ้นมาใหม่บักก็จะหายไป แต่ก็ทำให้หลายครั้งอาจจะทำให้เราเสียจังหวะการเล่นชวนให้หงุดหงิดอยู่บ้าง
GRAPHIC
โดยรวมงานภาพของเกมนี้ถือว่าไม่ได้มีรายละเอียดที่เยอะอะไรมากมาย แต่ก็ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าแย่สักเท่าไหร่ พอเล่นได้และให้อารมณ์ร่วมได้อยู่ แม้ตัวเกมจะมีภาพที่ดูรุนแรงอยู่บ้างอย่าง มีเลือด ตัดชิ้นส่วนศัตรูขาด ทุบกันจนหัวแบะ แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่โหดร้ายขนาดนั้นเมื่อนำมาบวกเข้ากับกราฟิกสไตล์ 3D ของตัวเกม อารมณ์จะเหมือนเราทุบรูปปั้นดินน้ำมันที่มีเลือดอะไรประมาณนั้น (ฮา)
สรุป
โดยรวมนี่คือเกมที่เหมาะสำหรับเล่นเพลิน ๆ อยากเล่นก็เปิดอยากพักก็จะปิดเมื่อไหร่ก็ได้ ตัวเกมไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมาย ไม่มีเนื้อเรื่องให้ต้องเสพ ไม่ต้องเก็บเวลฟาร์มของ ไม่ต้องเรียนรู้ระบบการควบคุมอะไรให้มากมาย เน้นแค่เข้ามาต่อสู้กับศัตรูเอามันแค่นั้น
แต่น่าผิดหวังที่ตัวเกมค่อนข้างจะมีคอนเทนต์ให้เล่นน้อยเกินไปหน่อย ซึ่งสามารถเล่นจบได้ภายในเวลา 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ผมก็มองว่าตัวเกมมีคุณค่าให้กลับมาเล่นซ้ำอยู่เยอะพอสมควร ก็อย่างที่บอกไปว่าแค่ได้เข้ามาฟันศัตรูเอามันก็ถือว่าสนุกแล้ว
เกมนี้ก็ถือว่ามีราคาที่ไม่ได้แรงมากใครที่มีเครื่องเกม VR อยู่ในมือก็ขอแนะนำให้ได้ลองดูกันสักครั้งนะครับผม
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส