[รีวิวเกม] Cris Tales เกม JRPG คลาสสิก พร้อมงานภาพสุดตระการตา (ที่…เกือบจะทำออกมาได้เยี่ยมแล้ว)
Our score
6.8

Cris Tales (PC)

จุดเด่น

  1. งานภาพกราฟิกที่ตระการตามาก ๆ
  2. เมืองที่ถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ใหญ่และตกแต่งด้วยรายละเอียดที่สวยพอสมควร
  3. สกิลของตัวละครที่หลากหลาย
  4. การพากย์เสียงตัวละครมีการลงทุนพากย์ทุกประโยค

จุดสังเกต

  1. ตอนจบของเนื้อเรื่องที่ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป
  2. เกมเพลย์ที่มีการเคลื่อนไหวของตัวละครที่ช้ามาก
  3. การต่อสู้กับบอสที่ผู้เล่นต้องยื้อเวลาเกินความจำเป็น
  4. จุดเด่นของระบบ 'ดัดแปลงเวลา' ในโหมดต่อสู้ไม่เฉิดฉายเท่าที่ควร
  5. ราคาสูงกว่าคอนเทนต์ที่ได้รับ และสูงกว่าเกมอินดี้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน

Cris Tales เกม JRPG รูปแบบ Turn-based คลาสสิก พร้อมกับงานภาพกราฟิกสุดตระการตา ผลิตโดยทีมงาน Dreams Uncorporated, SYCK, Poppy Works และวางจำหน่ายให้กับ PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series, Nintendo Switch และ PC บน Steam โดย Modus Games

พร้อมกับรางวัลต่าง ๆ ที่ได้รับ อาทิ Best Indie Game, Best RPG, Best PC Games และอีกมากมาย หลังจากที่ได้เปิดตัวในงาน E3 2019 พร้อมกับเดโมของตัวเกมที่สามารถทำให้ผู้เล่นรู้สึกประทับใจมาก

โดยเกมนี้ผมเคยเห็นผ่าน ๆ บน Steam และด้วยภาพปกที่มีอาร์ตที่เตะตา จึงลองกดเข้าไปอ่านรายละเอียดดู และได้ตัดสินใจ Wishlist ไว้เพื่อซื้อตอนวางจำหน่าย แต่ก็โชคดีที่ทางทีมงานได้ส่งโค้ดรีวิวให้กับทางเราพอดีครับ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผมจะเริ่มเล่นเกมนี้ก็ได้สังเกตเห็นว่าคะแนนรีวิวอยู่ในระดับ ‘Mixed’ บน Steam ซึ่งทำให้ผมสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น แต่หลังจากที่ได้เล่นจนจบด้วยเวลากว่า 26 ชั่วโมง ก็รู้สึกหายแปลกใจไปเลยครับ

*ก่อนอื่นทางเราต้องขอขอบคุณทางทีมงานสำหรับโค้ดรีวิวเกมเป็นอย่างสูงครับ*

Introduction

Cris Tales จะเป็นเกมที่เน้นทั้งด้านเกมเพลย์และเนื้อเรื่อง ซึ่งการเล่นเกมนี้จะเป็นรูปแบบ JRPG Turn-Based คลาสสิกที่มาพร้อมกับระบบ ‘ดัดแปลงเวลา’ ที่เป็นเอกลักษณ์และจุดสำคัญของเกม

ตัวเกมจะมีการดำเนินเนื้อเรื่องด้วยรูปแบบให้เล่นผ่านตาม Main Quest และ Side Quest ต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในอนาคต รวมไปถึงผลรับในตอนจบของเกมเช่นกันครับ

Story

เนื้อเรื่องของเกมนี้ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นเด็กกำพร้าชื่อว่า Crisbell ที่พึ่งรู้ว่าตัวเองเป็นนักเวทย์ท่องเวลาหลังจากที่พบกับ Matias กบที่สามารถพูดได้ ซึ่งหลังจากนั้นตัวเธอได้เห็นภาพอนาคตของเมืองที่ถูกทำลายโดย Time Empress ตัวร้ายของเรื่อง จึงตัดสินใจร่วมมือกับ Matias และเพื่อนนักผจญภัย เพื่อรับพลังจากภาพฝาผนังของโบสถ์ในแต่ละเมือง และหยุดการทำลายล้างอนาคตโดยน้ำมือของ Time Empress นั่นเอง

โดยเกมนี้เนื้อเรื่องในช่วง 4 บทแรกจะมีเนื้อเรื่องออกแนวผจญภัยที่ดูสดใส และน่าสนใจทำให้รู้สึกเพลินพอสมควร เพราะระหว่างที่ผู้เล่นต้องตามหาภาพฝาผนังในแต่ละโบสถ์ ก็จะมีปริศนาและปัญหาจากชาวเมืองให้เราได้ช่วยเหลือเพื่อละเว้นอนาคตที่แตกสลาย ซึ่งเนื้อหาส่วนนี้จะเขียนออกมาในแนวสืบสวนจึงสามารถทำให้ผู้เล่นอยากตามต่อ

และในช่วงท้ายจะมีรสชาติของความดาร์กและจริงจังเข้ามา พร้อมกับการเขียนบทแบบหักมุมที่ผู้เล่นคาดไม่ถึง และคำตอบที่จะอุด Plot Hole ที่ทำให้ผู้เล่นสงสัยว่าทำไมถึงขาดในช่วงแรก ส่วนตัวคิดว่าเป็นการเขียนเนื้อเรื่องที่ดูฉลาด เพราะสามารถทำให้ผู้เล่นที่ชอบด่วนสรุปเนื้อหาของเกมเซอร์ไพรส์ได้ในตอนหลัง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เล่นจนจบ ก็ต้องบอกว่าเกมนี้จบได้แบบ…ผู้เล่นไม่ได้อะไรดี ๆ ตอบแทนเลยครับ ให้พูดตามตรงผมรู้สึกว่าเวลา 26 ชั่วโมงที่เสียไปกับเกมนี้ดูไม่คุ้มค่าเลย ถึงจะมีการเขียนบทที่ฉลาดและดึงความสนใจได้อย่างทีละนิดทีละน้อย ด้วยความสั้นและตื้นทำให้รู้สึกเหมือนผู้เล่นได้ตอนจบที่ไม่ค่อยสมควรกับเวลาที่ใช้ในเกมนี้ครับ ถึงแม้ว่าผู้เล่นจะเคลียร์ Side Quest หมดแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว และส่วนตัวผมมองว่าน่าผิดหวังมาก เพราะมันควรจะจบได้ดีกว่านี้

โดยรวมแล้ว เนื้อของตัวเกมเขียนออกมาได้เพลินและทำให้เล่นได้เรื่อย ๆ แต่ดันตกม้าตายด้วยตอนจบที่ดูไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปสักเท่าไหร่ ซึ่งหากสามารถมองข้ามข้อเสียนี้ได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาและสนุกกับเกมได้อยู่ครับ

Gameplay

ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น Cris Tales เป็นเกมแนว JRPG Turn-Based คลาสสิก และแน่นอนว่าโหมด Overworld ของเกมนี้ ผู้เล่นจะสามารถออกสำรวจพื้นที่, จัดปาร์ตี้สมาชิกในทีม, ซื้อไอเทมต่าง ๆ , อัปเกรดอาวุธ และเพิ่มเลเวลเพื่อเพิ่มค่าสถานะได้เหมือนกับเกม JRPG ทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในเกมนี้จะมีระบบ ‘ดัดแปลงเวลา’ ที่เป็นจุดเด่นของตัวเกมนี้ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเกมเพลย์เช่นกัน เพราะผู้เล่นจะต้องใช้ในการแก้ Puzzle ต่าง ๆ นอกจากใช้มันแค่ในโหมดต่อสู้ครับ

เกมเพลย์ของระบบ ‘ดัดแปลงเวลา’ ในเกมนี้ ส่วนตัวมองว่าออกแบบมาได้น่าสนใจครับ เพราะในโหมดต่อสู้ของเกมนี้ การเปลี่ยนเวลามีผลกับกลไกการโจมตีและค่าสถานะต่าง ๆ ของศัตรู ยกตัวอย่าง สมมุติว่าผู้เล่นโจมตีศัตรูที่ใช้เกราะเหล็กด้วยลูกโป่งน้ำจนติดค่าสถานะ ‘เปียก’ และใช้เวทเปลี่ยนเวลาเป็นอนาคตใส่ จะส่งผลทำให้เกราะของศัตรูนั้นโดนสนิมเกาะ ซึ่งทำให้ค่าป้องกันของศัตรูลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ระบบนี้จะไม่ค่อยได้ใช้ในโหมดต่อสู้บ่อยนัก เพราะจากที่เล่นมาหากเจอกับศัตรูที่ไม่ได้มีข้อบังคับให้ใช้เวทย์ดัดแปลงเวลา และด้วยที่ว่าเกมเพลย์ของเกมนี้กินเวลาได้ไม่น้อย ส่งผลทำให้อยากจบการต่อสู้ให้ไวที่สุด แน่นอนว่าผู้เล่นจะพึ่งสกิลของตัวละครโจมตีให้ได้มากที่สุดในเทิร์นเดียว มากกว่าวางแผนเพื่อใช้เวทดัดแปลงเวลาของ Crisbell ที่สามารถกินเวลาผู้เล่นไปได้ซัก 2 – 3 เทิร์นเพื่อโจมตีด้วยพลังที่ไม่ได้เยอะมากเลยครับ

เกมเพลย์ของเกมนี้กินเวลาได้ไม่น้อย? ใช่ครับ! ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นเลย เป็นข้อเสียหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกหงุดหงิดเลยก็ว่าได้ เพราะการเคลื่อนไหวของตัวละครในเกมนี้ถือว่าช้ามาก ๆ และด้วยความว่าพื้นที่สำรวจในเกมนี้ใหญ่มาก คิดว่าเป็นเรื่องดีหากทางทีมงานจะแก้ไขให้ตัวละครเราสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นครับ

คล้ายกับเกมเพลย์ของ Pokemon ที่ผู้เล่นจะโดนสุ่มต่อสู้กับศัตรูเมื่อเดินในดงหญ้า ซึ่งในเกมนี้จะมีพื้นที่เป็นเขตอันตรายที่คล้ายกับดงหญ้าครับ แต่จะต่างจาก Pokemon อย่างหนึ่ง เพราะผู้เล่นจะโดนสุ่มเจอกับศัตรูในพื้นที่ทั้งเขตนั้นเลย ซึ่งปัญหาในส่วนนี้บอกได้ว่าเป็นเรื่องของเวลา Cooldown ที่ผู้เล่นจะพบเจอกับศัตรูถี่เกินไป เพราะจากที่เล่นมาหลังจากสู้กันเสร็จได้ประมาณ 30 – 50 วินาที ก็โดนสุ่มให้สุ่มต่อสู้อีก จึงเชื่อว่าปัญหานี้ส่งผลทำให้ผู้เล่นรู้สึกอยากออกจากบริเวณนั้นให้ได้เร็วที่สุด มากกว่าที่จะใช้เวลาออกสำรวจและเก็บไอเทมต่าง ๆ ให้ครบครับ

ในโหมดต่อสู้ก็มีข้อเสียเช่นกัน ซึ่งปัญหาที่เจอและทำให้หงุดหงิดได้คงหนีไม่พ้นระบบบล็อกการโจมตีของเกมนี้ หากเราวาง Timing เพื่อกดป้องกันการโจมตีของศัตรูได้ตรงเป๊ะ จะสามารถลดค่าโจมตีที่โดน ซึ่งปัญหาของส่วนนี้คงเป็นเรื่อง Timing เพราะทุกครั้งกดบล็อกได้ทันตามที่เห็นจากภาพแอนิเมชัน ตัวเกมมักจะนับว่ากดเร็วหรือช้าไป และส่งผลทำให้ป้องกันไม่ทันครับ

นอกจากนั้นแล้ว ก็มีในส่วนของการต่อสู้กับบอสต่าง ๆ ที่น่าหงุดหงิด เพราะด้วยเลือดที่เยอะเกินความจำเป็น ก็ส่งผลทำให้ผู้เล่นต้องต่อสู้กันนานหน่อย อย่างไรก็ตามการต่อสู้ที่นานไม่ใช้ปัญหา แต่ด้วยที่ว่าผู้เล่นจะต้องคอยยื้อฮีลทีมให้อยู่และค่อย ๆ โจมตีบอสด้วยท่าเดิมไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตาย และไหนเหล่าบอสจะไม่มีการเปลี่ยนแพตเทิร์นการโจมตีให้ท้าทายขึ้นอีก จึงทำให้รู้สึกว่าเป็นการต่อสู้ที่ช้าเกินความจำเป็นครับ

อีกส่วนหนึ่งที่นับว่าช้าเช่นกันก็คือการเก็บเกจเพื่อใช้ท่าไม้ตาย (ร่วมกับสมาชิกในปาร์ตี้) ที่สามารถโจมตีด้วยพลังมิตรภาพที่ให้ค่าพลังอย่างมหาศาล หรือ ‘Syncro’ นั่นเอง จากที่เล่นมากว่าจะเก็บเกจจนเต็มบาร์ได้ถือว่ายากมาก จากที่เล่นมา ผมผ่านไป 10 กว่าเทิร์นได้เกจในบาร์ก็ยังไม่เต็มเลย จึงทำให้ผู้เล่นมองเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพึ่งพาได้มากเท่าไหร่ เพราะกว่าจะได้ใช้ต้องรอนานมาก ๆ ซึ่งเมื่อเกจชารจ์เต็มเมื่อไหร่แน่นอนว่าจะทำให้รู้สึกอยากเก็บไว้ใช้ช่วงที่เจอบอสเลือดเยอะมากกว่าใช้กับศัตรูธรรมดาครับ

สรุปในส่วนของเกมเพลย์ ระบบ ‘ดัดแปลงเวลา’ ส่วนตัวมองว่าเป็นกลไกที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่ดี แต่น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยได้ถูกใช้เท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม เกมเพลย์โดยรวมทำออกมาให้เล่นได้เพลินดีเหมือนกับเกม JRPG Turn-Based ทั่วไปครับ ติดใจอยู่แค่ส่วนที่ทำให้ผู้เล่นดำเนินเกมได้ช้า ซึ่งหากมองข้ามในข้อเสียที่กล่าวมาไม่ได้ก็อาจจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดหน่อยครับ

Graphic / Presentation

ต่างจากส่วนของเกมเพลย์และเนื้อเรื่องอย่างสิ้นเชิง เพราะในส่วนนี้ทางทีมงานทำออกมาได้น่าประทับใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานภาพกราฟิก หรือเรื่องเสียงพากย์ต่าง ๆ ถือว่าจัดเต็มเลยทีเดียว

ในส่วนของงานภาพกราฟิก จะใช้รูปแบบ ‘Papercut’ (2.5D) ด้วยสไตล์การ์ตูนที่ผสมกับอาร์ตแนวแฟชั่น และมีการใช้โทนสีที่สดและลงตัว พร้อมกับรายละเอียดและลวดลายที่ใช้ในการออกแบบเมืองต่าง ๆ จากที่เล่นมาก็พอบอกได้ว่าผู้เล่นจะรู้สึกตระการตากับส่วนนี้อยู่ตลอดเวลาอย่างแน่นอนครับ

และในส่วนของเสียงพากย์ มีการเลือกนักพากย์ได้เหมาะกับบุคลิกของตัวละครพอสมควร และสิ่งที่ผมชอบคงเป็นส่วนที่ทีมงานตัดสินใจลงทุนพากย์เสียงให้กับทุกประโยคในเกม รวมไปถึงประโยคตอนที่ผู้เล่นจะเซฟเกมครับ

ในส่วนของเพลงประกอบก็จะออกไปแนวแฟนตาซีที่ใช้ดนตรีที่ผ่อนคลายผสมกับฟังแล้วสนุก อย่างไรก็ตาม เพลงประกอบจะถูกใช้ซ้ำบ่อยอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าผู้เล่นจะสู้กับบอสก็ตาม การต่อสู้กับบอสบางตัวจะมีการใช้เพลงซ้ำเหมือนกับตอนเจอกับศัตรูธรรมดาครับ

การออกแบบตัวละคร ในเรื่องของบุคลิกต่าง ๆ ถือว่าธรรมดาตาม Archetype ตัวละครทั่วไป แต่ส่วนที่ทำออกมาได้ดีคงต้องบอกว่าเป็นการออกแบบสกิลของตัวละครในปาร์ตี้ที่หลากหลาย ยกตัวอย่าง Zas น้องหัวเขียวจอมป่วนที่มาพร้อมกับกระเป๋าวิเศษคล้ายกับกระเป๋าของโดเรม่อน ซึ่งเธอจะมีสกิลที่ต้องใช้วงล้อมหัศจรรย์เพื่อใช้ท่าโจมตีหรือเพิ่มพลังต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม การที่จะได้ถ้าท่าที่ต้องการนั้น ต้องพึ่งความแม่นยำของผู้เล่นที่จะต้องกดหยุดวงล้อให้มันหยุดอยู่ในช่องที่ต้องการ

สุดท้ายการออกแบบเมืองในเกมนี้ ถึงแม้ว่าในส่วนของเกมเพลย์ที่ล่าช้า และความถี่ของการเจอศัตรูในพื้นที่อันตรายก็ส่งผลทำให้ผู้เล่นหงุดหงิดได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพื้นที่ต่าง ๆ มีการออกแบบที่สวยมาก ซึ่งจากที่กล่าวไว้การตกแต่งต่าง ๆ มีความละเอียดเป็นอย่างมาก ด้วยสีที่ใช้และลงตัวกับสภาพแวดล้อมของเมือง หรือพื้นที่ป่าไม้ต่าง ๆ ผู้เล่นจะรู้สึกตระการตากับการออกแบบอยู่ตลอดเวลาอย่างแน่นอนครับ

โดยรวมแล้วการนำเสนอของเกมนี้ทำออกมาได้เยี่ยมและมีการใส่ใจจากทีมงานสูง โดยเฉพาะเรื่องงานภาพกราฟิกที่เป็นจุดเด่นที่สุดของเกม และงานเสียงที่ทางทีมงานลงทุนพากย์ทุกประโยค รวมไปถึงการออกแบบตัวละครที่ดูแล้วถึงจะไม่ค่อยมีความลึกมากนัก แต่ก็มีสกิลที่หลากหลายและเล่นได้อย่างสนุก เชื่อว่าในส่วนนี้ผู้เล่นที่ชอบเสพงานอาร์ตเป็นงานอดิเรกจะต้องชอบมากอย่างแน่นอนครับ

Verdict

ส่วนตัวผมมองว่า Cris Tales เป็นเกมที่มีองค์ประกอบต่าง ๆ ถ้าทำออกมาได้ดีเยี่ยมแล้วมีโอกาสที่จะเป็นเกมยอดเยี่ยมสูงเลยก็ว่าได้ แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวเกมไม่ได้ออกมาเป็นแบบนั้น เพราะข้อเสียจากการออกแบบเกมเพลย์ที่ช้า และการเขียนเนื้อเรื่องที่ทำตอนจบออกมาได้ไม่ดีเท่ากับส่วนของการนำเสนอและงานภาพกราฟิก จึงทำให้เกมนี้ตกมาตายครับ

เป็นไปได้ผมอยากให้เกมนี้มีภาค 2 นะ ถ้าทางทีมงานแก้ไขข้อเสียต่าง ๆ ให้เด่นได้เหมือนกับในส่วนของการนำเสนอ แต่ดูจากตอนจบของภาคนี้แล้ว หากจะทำเนื้อเรื่องต่อก็ค่อนข้างท้าทายพอสมควร เพราะถึงทางทีมงานจะปล่อยแพตช์มาแก้ไขเกมเพลย์ที่ช้าก็ตาม ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ถือว่าเป็นสิ่งที่แก้ไขในตัวเกมที่วางจำหน่ายไปแล้วไม่ได้ครับ

หากถามว่าเกมนี้น่าเล่นไหม? ด้วยราคา 890 บาท พร้อมงานอาร์ตที่ตระการตา และเกมเพลย์ที่ผู้เล่นจะได้ใช้เวลาไปกับมันเยอะก็ตาม ก็ไม่ใด้เป็นเพราะตัวเกมนั้นมีคอนเทนต์ที่เยอะ แต่มาจากเกมเพลย์ที่ช้ามาก ๆ

หากคุณเป็นผู้เล่นที่ชอบเสพงานอาร์ต หรือผู้ที่ชอบเกมแนวนี้และสามารถมองข้ามข้อเสียที่กล่าวมาได้ ก็ไม่ค่อยแนะนำให้ซื้อในราคาเต็มเท่าไหร่ เนื่องจากมีราคาที่สูงกว่าคอนเทนต์ที่จะได้รับ และสูงกว่าเกมอินดี้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน หากสนใจที่จะลองเล่นด้วยตัวเองแนะว่ารอให้ตัวเกมจัดโปรโมชันลดในราคาที่เหมาะสมจะดีกว่าครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส