รีวิวเกม Baldo The Guardian Owls เมื่อ Zelda มาร่วมร่างกับการ์ตูน Ghibli
Our score
6.5

Baldo The Guardian Owls

จุดเด่น

  1. งานออกแบบจากการ์ตูน Ghibli
  2. เกมเพลย์เน้นสำรวจแบบ Zelda ที่จัดเต็ม

จุดสังเกต

  1. เกมเพลย์ซับซ้อนมากจนขาดความสนุก
  2. ไม่มีเสียงพากย์ และตัวละครแข็งเป็นหุ่น

รูปแบบของเกมคลาสสิกมักจะถูกนำไปใช้ในเกมใหม่ ๆ มาตลอด และหนึ่งในซีรีส์ในตำนานที่มีคนพยายามจะเลียนแบบมาตลอดคือ ตำนาน Zelda ที่เป็นแอ็กชัน RPG ที่ขึ้นชื่อเรื่องความซับซ้อนในการตะลุยดันเจี้ยนและการแก้ปริศนา ทำให้ตลอดกว่า 30 ปีมีผู้สร้างเกมที่นำแนวทางนี้มาเป็นต้นแบบมาตลอด ล่าสุดถึงคิว Baldo The Guardian Owls เกมจากค่ายเล็ก ๆ จากประเทศอิตาลี อย่าง NAPS team แต่มีความน่าสนใจตั้งแต่เห็นตัวอย่างเปิดตัว

เพราะว่า Baldo The Guardian Owls ได้นำเอา Zelda มารวมร่างกับลายเส้นการตูนค่าย Ghibli ที่แฟน ๆ ทั่วโลกชื่นชอบ เกิดเป็นเกมแอ็กชัน RPG เน้นสำรวจที่จากตัวอย่างที่เปิดตัวแทบจะถอดแบบมาจาก Legend of Zelda The Wind Waker ในงานออกแบบฉากและสีสัน ถือว่าเป็นเกมจากค่ายเล็ก ๆ ที่น่าสนใจและมันวางขายบนคอนโซลทั้ง PlayStation 4, Xbox One, Nintendo Switch และยังออกบน PC รวมทั้งบน Apple Arcade ด้วย

กราฟิกที่ถอดแบบมาจากการ์ตูนค่าย Ghibli

ตามที่บอกไปว่า Baldo The Guardian Owls ใช้ลายเส้นงานออกแบบตัวละครมาจากการ์ตูนค่าย Ghibli ทำให้ตัวละครมีลายเส้นที่แฟน ๆ การ์ตูนต้องคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ส่วนฉากใช้กราฟิกแบบเซลเฉดที่สามารถจำลองภาพแนวการ์ตูนออกมาได้ดีงาม และมีความคล้ายกับซีรีส์ Ni No Kuni เกมที่ค่าย Ghibli สร้างเองแต่มันยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ เพราะตัวละครยังขายรายละเอียดดูไร้ชีวิตชีวาเหมือนหุ่นมากกว่า และยังพบ Bug ของกราฟิกอยู่หลายจุด แต่โดยรวมหากคิดว่ามันสร้างโดยค่ายเล็ก ๆ ก็พอจะรับได้ และถือว่าดูดีในระดับน่าพอใจ

ในด้านเพลงประกอบถือว่าอาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อด้อย เพราะเพลงหลัก ๆ ของเกมถือว่าฟังได้เพลิน ๆ และเข้ากับรูปแบบการเล่นรวมทั้งฉากได้อย่างลงตัว แน่นอนว่ามันมีความคล้ายกับ Ni No Kuni อยู่พอสมควร แต่เสียดายที่ไม่มีเพลงธีมหลักที่ติดหูทุกอย่างดูราบเรียบเกินไป แต่ก็ถือว่ามันทำหน้าที่ได้ดีเพราะในฉากดันเจี้ยนที่ชวนลึกลับมันก็ทำได้น่ากลัว หรือพอเจอบอสเพลงจะเปลี่ยนเป็นธีมที่เร้าใจมากขึ้น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไหน ๆ จะถอดแบบมาจากการ์ตูน Ghibli แต่กลับไม่มีเสียงพากย์ในเกมเลย เรียกว่าตรงส่วนนี้ไม่แน่ใจว่าทีมสร้างอยากจะเลียนแบบซีรีส์ Zelda (ภาคเก่า) หรือไม่มีงบประมาณกันแน่

เรื่องราวหนุ่มน้อยบนเกาะนกฮูก

ส่วนเรื่องราวของเกมตัวละครหลักอย่างหนุ่มน้อย Baldo ที่ต้องออกผจญภัยในแดน Rodia ที่กว้างใหญ่แต่มีความลับซ่อนอยู่เพราะที่ใต้ดินของเมืองนี้จะมีดันเจี้ยนขนาดมหึมา รวมทั้งมีนกฮูกในตำนานอยู่ซึ่งเราต้องออกสำรวจและค้นหาความจริงที่จะเปลี่ยนโลกไปตลอดกาล ซึ่งเนื้อเรื่องถือว่าเรียบง่ายแต่มีอะไรให้ค้นหาพอสมควร เสียดายที่การนำเสนอที่ตัวละครแทบจะไร้อารมณ์เหมือนเกมเมื่อ 20 ปีก่อน แถมมันยังไม่มีเสียงพากย์อีกทำให้ผู้เล่นไม่ค่อยอินไปกับเรื่องราวเท่าที่ควร ถือว่าน่าเสียดายมากเพราะมันควรจะเป็นจุดเด่น

รูปแบบการเล่นถอดแบบมาจาก Zelda

Baldo The Guardian Owls มีเกมเพลย์แนวเน้นสำรวจไปพร้อมกับการต่อสู้แบบแอ็กชัน RPG ที่คล้ายกับ Zelda เพราะเราจะไม่ได้เน้นการต่อสู้มากนักแต่จะเน้นการสำรวจดันเจี้ยนแล้วแก้ปริศนาเพื่อหาทางไปต่อมากกว่า แต่มุมมองของเกมไม่ได้เป็น 3 มิติแท้ ๆ เพราะตัวเกมมีมุมมองจากด้านบนที่จำกัดการมองเห็น บางมุมอาจจะเหมือนเกม 2D มากกว่า แต่บางมุมก็มีมิติแต่เนื่องจากปรับมุมกล้องไม่ได้ทำให้มันดูจำกัดและมีมุมอับอยู่ แต่ใครไม่ชอบการแก้ปริศนาในฉาก 3D ก็น่าจะชอบเพราะมันเข้าใจง่ายกว่า

เน้นสำรวจมากกว่าแอ็กชัน

แต่หากคุณชอบความเป็นแอ็กชันมากกว่าสำรวจก็ขอบอกว่าต้องผิดหวังเพราะ Baldo The Guardian Owls จะเน้นสำรวจมากกว่า แม้ว่าตัวเอกจะมีอาวุธเป็นดาบและมีเครื่องป้องกันเป็นโล่ แต่โดยรวมแล้วเราจะได้แก้ปริศนามากกว่าต่อสู้ แต่หากคุณชอบสำรวจแล้วมันจัดเต็มมาก เพราะมีฉากมีความซับซ้อนพอสมควรแม้จะเป็น 2 มิติแต่ก็มีความลับซ่อนอยู่มากมาย ใครชอบแนวทางที่เน้นสำรวจมากกว่าแอ็กชันน่าจะชอบ

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นต้องใช้หัวคิดกันพอสมควรเพราะเหมือนผู้สร้างจะพยายามคิดให้มันซับซ้อนมากกว่า Zelda เลยด้วยซ้ำ แถมยังแทบไม่บอกใบ้อะไรผู้เล่นต้องหาทางตีความเอาเอง และต้องช่างสังเกตที่ขอบอกตรง ๆ ว่ามันอาจจะกลายเป็นข้อเสียของ Baldo The Guardian Owls ไปเลยเพราะเราต้องวนไปวนมาหลายรอบ และบางปริศนาซับซ้อนมากเราต้องทำหลายขั้นตอนเช่นการต้องกลับไปมาเพื่อหยิบไอเทมเพื่อไปเปิดทาง และยังมีเวลาจำกัดด้วยเพราะหากเดินกลับมาช้าประตูหรือทางลับก็จะปิดต้องมาเริ่มใหม่ทั้งหมด ซึ่งบางจุดก็ต้องเริ่มเล่นกันใหม่หมดทำให้เสียเวลามาก

นอกจากนี้ยังมีฉากที่เราต้องซ่อนตัวลอบเร้นด้วย รวมทั้งมีระบบใช้เครื่องดนตรีเพื่อร่วมกับการแก้ปริศนาที่ในเกมนี้จะใช้ แตรรูปเขาสัตว์ที่ผู้เล่นสามารถบรรเลงได้หลายเพลง ที่จะส่งผลให้เกิดสิ่งที่แตกต่างกันเช่นการเปิดประตูเพื่อไปต่อ ซึ่งมีความคล้ายกับบางฉากในเกม Zelda เช่นกัน อย่างไรก็ตามหากไม่ชอบแนวสำรวจก็อาจจะเบื่อหรือหัวร้อนกันบ้างเพราะมันซับซ้อนและหลายขั้นตอนแถมแทบไม่มีคำใบ้ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามหากเล่นติดขัดก็สามารถไปหาคลิปวีดีโอที่มีผู้เล่นโชว์ได้ ทำให้เราเล่นจบได้ไม่ยาก

ส่วนระบบพัฒนาตัวละครก็มาแบบเรียบง่าย ที่ใช้การอัปเกรดค่าพลังหัวใจแบบเดียวกับ Zelda และยังมีการเปลี่ยนชุดเพื่อเพิ่มค่าพลังในหลายส่วน และยังมีดาบและโล่ ที่ช่วยให้เราเล่นได้สะดวกขึ้น ซึ่งก็เรียบง่ายไม่ซับซ้อนอะไร ส่วนที่ต้องเตือนไว้ก่อนคือแม้ว่ามันจะเน้นสำรวจมากกว่าแอ็กชันแต่เกมมีความยากพอสมควร ตัวเอกตายได้ง่ายมาก แม้ว่าเราตายตรงจุดไหนก็เริ่มตรงนั้นเลยก็ตาม แต่ก็ทำให้เราเบื่อได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกับบอสที่ไม่ได้ง่ายเลยมีวิธีการโจมตีที่หลากหลาย ผู้เล่นต้องใช้ฝีมือกันพอสมควรซึ่งหากจับจุดได้ก็จะสามารถผ่านไปได้

โดยรวมแล้วเกม Baldo The Guardian Owls เป็นเหมือนจดหมายรักจากทีมงานสร้างเกมเล็ก ๆ ที่อยากสร้าง Zelda ในแบบฉบับของตัวเอก ซึ่งถือว่าทำได้ดีในระดับน่าพอใจแต่ไม่ได้ดีเทียบเท่าต้นฉบับ แม้ว่างานออกแบบจะถือว่าดูดีเพราะมีการใช้ลายเส้นของ การ์ตูน Ghibli มายำรวมกับรูปแบบการเล่นที่เราจะได้สำรวจโลกกว้างที่เต็มไปด้วยความลับที่ซ่อนอยู่มากมาย อย่างไรก็ตามหากคุณไม่ได้ชอบแนวทางนี้จริง ๆ ก็ขอให้หลีกห่างเพราะมันไม่ได้สนุกอย่างที่คิด ผู้เล่นต้องทำความเข้าใจและแก้ปริศนากันจนหัวร้อนพอสมควร แต่หากชอบแนว Zelda จริงจังแล้วถือว่ามันพอจะมีความสนุกอยู่

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส