![รีวิวเกม Ni no Kuni II Revenant Kingdom (Nintendo Switch) สุดยอดเกม RPG ที่ไม่ควรพลาด](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/ni-no-kuni-ii-p-780x410.jpg)
Our score
9.0Ni no Kuni II Revenant Kingdom Princes Edition
จุดเด่น
- รูปแบบการเล่นแบบ RPG ที่ผสมของเก่ากับใหม่ได้ลงตัว
- มีคัว DLC มาครบไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
- งานออกแบบและตัวละครที่มีเสน่ห์
จุดสังเกต
- กราฟิกบน Switch ด้อยกว่าเวอร์ชันอื่น
- ไม่มีอะไรใหม่เป็นเกมเดิมแค่เพิ่ม DLC
แม้ว่าคอนโซลลูกผสมอย่าง Nintendo Switch จะประสบความสำเร็จ แต่ก็มีจุดด้อยที่เกมค่ายอื่นออกช้ากว่าเวอร์ชันอื่น ทำให้แฟนปู่นินกว่าจะได้สัมผัสเกมดี ๆ ก็ต้องรอกันข้ามปี อาจจะเป็นเพราะสเปกที่ด้อยกว่า ทำให้การสร้างเกมดี ๆ ต้องใช้เวลาในการสร้างมากกว่าบนคอนโซลเครื่องอื่น อันนี้แฟนนินเทนโดก็ต้องทำใจมาตลอด และล่าสุดค่าย Bandai Namco ได้เปิดตัว เกม Ni no Kuni II Revenant Kingdom ที่ต่อท้ายด้วยชื่อ Princes Edition ออกบน Switch เสียทีหลังจากปล่อยให้แฟนรอกันนาน
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/ni-no-kuni-ii-a.jpg)
โดยเกม Ni no Kuni II Revenant Kingdom วางขายครั้งแรกบน PS4 , Xboxone และ PC ในปี 2018 ซึ่งถือเป็นภาคต่อของซีรีส์ Ni no Kuni เกม RPG ฟอร์มยักษ์ที่เคยสร้างความฮือฮาตอนออกภาคแรกอย่างมาก เพราะมันเป็นการสร้างเกมของสตูดิโอการ์ตูนในตำนานอย่าง จิบลิ กับค่าย Level 5 และมีการใส่ลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของจิบลิ บวกกับเรื่องราวที่น่าประทับใจและรูปแบบการเล่นแบบ RPG ที่พัฒนาโดยค่ายที่เคยอยู่เบื้องหลังการสร้าง Dragon Quest 8 มาทำให้ไม่แปลกที่มันจะประสบความสำเร็จจนมีการสร้างภาคต่อ และในที่สุดก็ได้ออกบน Switch ในปี 2021 เรียกว่ารอกันจนเบื่อเลย
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/2021091918583300-40DA4CE247283C3734C22D5604459228.jpg)
กราฟิกบน Switch ดูดีแต่อย่าเอาไปเทียบกับเครื่องอื่น
ภาพใน Ni no Kuni II ฉบับวางขายอีกรอบบน Nintendo Switch ถือว่าดูด้อยกว่าตามสเปกของเครื่องที่ไม่ได้แรงมากมาย โดยงานออกแบบมาแนวลายเส้นการ์ตูนจากค่ายจิบลิ ที่แทบจะถอดแบบกันมาเลย มีการใช้กราฟิกแบบเซลเฉดคุณภาพสูงที่ลงตัวมาก ทำให้การย้ายมาลง Switch ทำได้ไม่ยากเพราะมีหลายเกมใช้รูปแบบนี้มาแล้วหลายเกม และสำหรับ Ni no Kuni II ถือว่าดีกว่าเกมอื่นมาก อย่างไรก็ตามหากเอาไปเทียบกับเครื่องอื่นแล้วบน Switch ดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดเพราะความละเอียดที่ต่ำกว่า และยังมีเฟรมเรตที่ไม่ได้ลื่นไหลเท่าที่ควร พบอาการภาพกระตุกตลอดการเล่นแต่โดยรวมไม่ได้เลวร้ายอะไร
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/2021092001390200-40DA4CE247283C3734C22D5604459228.jpg)
ส่วนดนตรีและเสียงประกอบของ Ni no Kuni II ยังถือว่าเป็นข้อดีอยู่เช่นเดิม เพราะยังได้นักแต่งเพลงในตำนานของวงการภาพยนตร์อย่างคุณ Joe Hisaishi ที่ทำงานกับสตูดิโอจิบลิมาตลอด มาทำเพลงให้เกมซึ่งก็ทำมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ทำให้คุณภาพของดนตรีประกอบสูงมาก เพราะมีทั้งความอลังการงานสร้างและไพเราะติดหูตลอดการเล่น ที่มีเพลงธีนประจำเกมที่เราคุ้นเคยกันดีด้วย ส่วนเสียงพากย์ก็มีคุณภาพดี มีการลงทุนจ้างมืออาชีพมาให้เสียง ทำให้เหมือนกับการเล่นเกมไปพร้อมได้ดูการ์ตูนจิบลิเหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่ได้มีเสียงพากย์ทุกจุดในเกมก็ตาม
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/ni-no-kuni-ii-a1.jpg)
ส่วนเสริมเพิ่มเติมคุ้มหรือไม่
ก่อนจะเข้าส่วนของเกมเพลย์ก็ขอบอกส่วนเสริมที่เพิ่มเติมเข้ามาก่อน โดยในเวอร์ชัน Nintendo Switch จะรวบรวมเอาตัวดาวน์โหลดเสริมแบบเสียเงินเข้ามาในชุดเลยไม่ต้องเสียเงินโหลดเพิ่ม แต่ใครมีบน PS4 , Xboxone และ PC สามารถเสียเงินซื้อเพิ่มเองได้ โดยเนื้อเรื่องเสริมจะมีมาทั้ง The Lair of the Lost Lord โดยเราจะได้ผจญภัยไปในเขาวงกต Rubbly Ruins ที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยอันตรายเพื่อหยุดยั่ง Prince of Wraith และนำความสงบสุขคืนมาอีกครั้ง โดยในดันเจี้ยนจะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์มากมาย ทั้งตัวเล็กต้วใหญ่และยังมีหลายชั้นให้สำรวจด้วย
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/ni-no-kuni-ii-a2.jpg)
อีกส่วนดาวน์โหลดเสริม DLC ที่น่าสนใจคือ The Tale of a Timeless Tome ที่เราจะได้พบกับความลับใหม่เกี่ยวกับกระต่ายที่สวมใส่ชุดทักซิโด้ที่ดูลึกลับ ที่อยู่ในความฝันและเราจะได้พบกับความจริงที่ไม่น่าเชื่อ ที่จะเชื่อมโยงเรื่องราวทุกอย่างไว้ด้วยกัน โดบเกมเพลย์ในส่วน DLC จะเหมือนเดิม และจะมีความยาวพอสมควรรวมทั้งยังมีอาวุธ เครื่องป้องกันรวมทั้งไอเทมใหม่อีกมากกว่า 80 ชนิดมาให้ใช้อีก ถือว่าบน Nintendo Switch ไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่มก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ แต่หากมีเวอร์ชันอื่นอยู่แล้วแนะนำให้ไปเสียเงินซื้อ DLC น่าจะดีกว่า
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/ni-no-kuni-ii-a4.jpg)
รูปแบบการเล่นเหมือนเดิมแต่สนุกไม่เปลี่ยน
Ni no Kuni II เป็นการสานต่อความสำเร็จจากภาคแรก ที่ออกยุค PS3 และมีเวอร์ชัน NDS ด้วย โดยภาคแรกจะเป็นแนว RPG ที่มีการใส่คำสั่งเพื่อโจมตี แต่มาภาคต่อมีการปรับเปลี่ยนให้เป็นแอ็กชันมากขึ้น ผู้เล่นสามารถเดินไปโจมตีได้เลย แถมยังมีท่าโจมตีแบบหนักและเบาที่สามารถต่อคอมโบได้ราวกับเป็นเกมแอ็กชันไปแล้ว และยังมีการเรียกใช้ท่าไม้ตายโดยการกดปุ่มที่เรียบง่าย โดยผู้เล่นจะบังคับตัวละครได้ทีละ 1 ตัวเท่านั้นที่เหลือจะเป็นระบบ A.I. ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่เกมแนว RPG ยุคใหม่ใช้กันทำให้มันไม่ดูเชย
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/2021091923151300-40DA4CE247283C3734C22D5604459228.jpg)
โดยในฉากดันเจี้ยนจะเหมือนการเล่นเกมแอ็กชันมากเพราะจะเดินไปโจมตีศัตรูที่เห็นเป็นตัวในฉาก แต่บนแผนที่หลักจะมีการผสมผสานหลายส่วน อย่างแรกคือตัวละครทั้งหมดจะถูกย่อให้เล็กจิ๋วแบบ SD แล้วยังมีการตัดเข้าฉากต่อสู้ แต่ตอนสู้กับศัตรูจะเหมือนกับฉากในดันเจี้ยนไม่เปลี่ยน ส่วนระบบอาวุธก็เรียบง่าย รวมทั้งการพัฒนาตัวละครที่ใช้การเก็บเลเวล เพื่อเพิ่มค่าพลังและอัปเกรดท่าไม้ตายใหม่ ๆ ถือว่าเป็นการผสมผสานของเดิมและของใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว แต่สำหรับคอเกมที่ไม่ถนัดแนวแอ็กชันผู้สร้างก็มีระดับความยากให้เลือก ซึ่งส่วนตัวแล้วหากฝึกฝนกันสักนิดมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ยกเว้นบอสบางตัวที่ต้องใช้ฝีมือกันสักหน่อย
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/2021091923081200-40DA4CE247283C3734C22D5604459228.jpg)
ส่วนอีกความโดดเด่นของเกมคือระบบ Higgledies ผู้ช่วยที่เป็นภูติตัวเล็กจิ๋วหลากสีที่จะมาทั้งช่วยในการต่อสู้ที่ทั้งการโจมตีศัตรูด้วยพลังธาตุที่หลากหลาย หรือจะสั่งให้เติมพลังก็ได้ และยังสามารถปรับตั้งค่าได้ตามใจผู้เล่นด้วย นอกจากนี้มันยังสามารถช่วยให้เราเดินทางไปในจุดที่ไปไม่ได้ด้วย เช่นตัว Higgledies สีเขียวธาตุลมจะทำให้เราลอยตัวในจุดที่กำหนดได้ แน่นอนว่าการปรับแต่งทัพจำเป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่บอกว่ามันเป็นแอ็กชันแบบจัดเต็มดังนั้นเราจะไม่มีเวลาคิดมากมายนักเวลาต่อสู้ ทำให้การปรับแต่ง Higgledies จึงจำเป็นอย่างมาก เพราะมันจะช่วยตอนเรากำลังวุ่นวายกับการต่อสู้กับศัตรูอยู่
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/ni-no-kuni-ii-a3.jpg)
ส่วนอีกของเดิมที่ยังคงอยู่คือระบบก่อร่างสร้างเมืองที่เปิดให้เราสร้างอาณาจักรได้เอง ด้วยระบบที่เข้าใจง่ายเหมือนกับเกมสร้างเมืองในตำนานอย่าง SimCity โดยผู้เล่นจะเลือกวางแผนการสร้างได้ตามใจ และยังสามารถกำหนดได้ว่าจะวางสถานที่สำคัญหรือร้านค้าไว้ที่จุดไหนของเมืองได้ตามใจ ที่แม้ว่ามันจะเหมือนจะเป็นส่วนเสริมแต่มีความสำคัญที่ผู้เล่นจะมองข้ามไม่ได้เลย เพราะเมื่อสร้างเมืองได้ใหญ่พอจะได้รับรางวัลเป็นเงินเอาไว้ซื้อของในเกม รวมทั้งยังสามารถใช้งานประชากรที่มีคุณภาพมาร่วมทีมได้ด้วย
![](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2021/09/2021091715231900-40DA4CE247283C3734C22D5604459228.jpg)
แม้ว่าโดยรวมแล้วการกลับมาอีกครั้งของ Ni no Kuni II Revenant Kingdom Princes Edition บน Nintendo Switch จะไม่ได้แตกต่างจากภาคต้นฉบับบนเครื่องอื่น แถมกราฟิกและเฟรมเรตก็ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่หากคุณไม่เคยเล่นบนเครื่องเกมอื่นมาก่อน ก็ถือว่ามันเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ไม่ควรพลาด เพราะมีทั้งรูปแบบการเล่นเดิม ๆ มาผสมผสานกับแนวทางใหม่ที่เน้นแอ็กชันได้ลงตัวมาก และส่วนตัวชอบมากกว่า Dragon Quest 11 เสียอีก ใครมี Switch แล้วอยากหาเกม RPG ดี ๆ ไว้ติดเครื่อง Ni no Kuni II Revenant Kingdom Princes Edition เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามไป
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส