Our score
4.5Grand Theft Auto The Trilogy The Definitive Edition
จุดเด่น
- 3 เกมในตำนานมาแบบรีมาสเตอร์
- ใส่การควบคุมและระบบใหม่เข้าไป
จุดสังเกต
- กราฟิกดูไม่ดีอย่างที่คุย เฟรมเรตตก(ใน Switch)
- พบบั๊กในเกมจำนวนมาก
- สิ่งที่เพิ่มมากน้อยไปเมื่อเทียบกับราคาขาย
เรียกว่าเป็นการมาแบบรวดเร็วทันใจสำหรับการยำรวมเอาเกมในตำนานแห่งยุค 2000S อย่าง Grand Theft Auto The Trilogy The Definitive Edition ที่กลับมาวางขายแบบรีมาสเตอร์ปรับภาพใหม่เล็กน้อยบนคอนโซลและพีซี ถือว่าเปิดตัวแล้ววางขายภายในไม่กี่เดือนเรียกว่าไม่ต้องรอนานกันเลย โดยเกมวางขายบน PS4 , PS5 , XBox ซีรีส์ , Nintendo Switch และ PC ด้วย (รีวิวนี้เล่นบน Nintendo Switch)
โดยการมาของ GTA ทั้ง 3 ภาคจะมีทั้ง Grand Theft Auto III ที่วางขายในปี 2001 ตามด้วย Grand Theft Auto: Vice City (2002) และ Grand Theft Auto: San Andreas (2004) บน PS2 และบน PC ที่ใครเกิดทันเล่นคงจะจำได้ว่ามันประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย และถือว่าเป็นต้นแบบของเกมแนว Open World โลกอิสระ ที่ทุกวันนี้ระบบหลายอย่างยังคงใช้อยู่ ถือว่าเป็นการเอาใจแฟนเกม และการมาของจะไม่ได้สดใหม่แบบเต็มร้อย เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสามภาคก็เคยวางขายมาหลายรอบแล้วแต่เป็นเวอร์ชันที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก
กราฟิกยกระดับให้ดูดีขึ้นแต่ไม่สุด
ตามที่ผู้สร้างบอกไปว่า GTA The Definitive Edition เป็นภาครีมาสเตอร์ปรับภาพใหม่ไม่ได้เป็นการสร้างใหม่หมดแบบการรีเมก แต่ผู้สร้างได้บอกว่ามีการปรับใหม่หลายส่วนและได้ใช้ Unreal Engine ในการทำกราฟิก โดยมีการอัปเกรดทั้งพื้นผิวของฉากให้คมชัดและมีรายละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งแสงเงาที่ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้องเอาไปเทียบกับต้นฉบับสมัย PS2 จริง ๆ นะอย่าได้เอาไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานเกมยุคใหม่ เพราะโดยพื้นฐานของมันคือการปรับภาพเท่านั้น
แต่จุดสังเกตแรกคือโมเดลของตัวละครยังคงเหมือนเดิมแม้จะมีรายละเอียดของใบหน้าและการแสดงอารมณ์ได้ดีขึ้น แต่การเคลื่อนไหวยังคงแข็ง ๆ ไม่สมจริง แอ็กชันต่าง ๆ ภายใน GTA รีมาสเตอร์ ยังคงแข็งเป็นหุ่นทำให้บางครั้งดูตลกมาก และข้อที่ต้องบอกว่าเกมแย่ลงคือการออกแบบใบหน้าของตัวละครหลักในเกมที่บางตัวดูแย่ลงกว่าต้นฉบับมาก บางตัวดูตลกไปทำให้แฟน ๆ ซีรีส์ GTA ที่เล่นต้นฉบับมาแล้วผิดหวังมาก เพราะบางตัวละครดูดีสมัย PS2 กลายเป็นตัวตลกในภาครีมาสเตอร์ไปเลย
อีกทั้งหากคุณเล่นบน Nintendo Switch แล้วเฟรมเรตจะตกอย่างเห็นได้ชัด แต่โดยรวมหากมองว่ามันเป็นเพียงการปรับภาพถือว่าดูดีกว่าต้นฉบับ แต่ส่วนที่ดีงามเหมือนเดิมคือระบบเสียงและเพลงประกอบที่จัดเต็มขนเพลงในตำนานมาครบ รวมทั้งเพลงของสถานีวิทยุก็ยังใส่มาครบ และเสียงพากย์ก็ยอดเยี่ยมช่วยให้การเล่าเรื่องยังคงยอดเยี่ยมและน่าติดตามไปจนจบเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามในส่วนของกราฟิกน่าผิดหวังมากสำหรับเกมที่ขายราคาเต็ม
เกมเพลย์โลกอิสระที่เป็นต้นแบบ
อย่างที่รู้กันว่า GTA ทั้ง 3 ภาคเป็นต้นแบบของเกมแนว Open World แบบ 3 มิติ โดยก่อนหน้าที่จะออกเกม GTA 1 และ GTA 2 เป็นแบบ 2 มิติมุมมองด้านบน ทำให้การมาของ GTA 3 ฮือฮาอย่างมากเพราะเป็นของแปลกใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทำอะไรก็ได้อย่างอิสระในเมืองที่จำลองโลกได้สมจริง (ในยุคนั้น) แต่ต้องอยู่ในกฎหมายเพราะมีตำรวจคอยตรวจจับและมีระบบการไล่ล่าที่กำหนดด้วยจำนวนดาว ส่วนการเล่นที่เข้าใจง่ายแค่ไปรับภารกิจที่เกมกำหนดไว้บนแผนที่ ส่วนนี้รูปแบบการเล่นหลัก ๆ ในภาครีมาสเตอร์ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทำให้ผู้ที่ไม่เคยเล่นมาก่อนแต่เคยเล่น GTA ภาคหลัง ๆ สามารถเข้าใจได้ในทันทีเพราะมันเหมือนเดิม
ส่วนความโดดเด่นของทั้ง 3 เกมจะมีความแตกต่างกันโดย Grand Theft Auto 3 ถือว่าดีงามตามมาตรฐานของโลกอิสระที่เรียบง่าย และมีทุกอย่างที่ควรจะมีครบ ส่วน Grand Theft Auto: Vice City โดดเด่นที่สีสันแสบตาของยุค 80S ที่เป็นฉากหลังของเกม ที่ทั้งแปลกตาและเรื่องราวที่เข้มข้น ส่วน Grand Theft Auto: San Andreas ถือเป็นภาคในตำนานที่ตัวเอก CJ มีทั้งความโดดเด่น รวมทั้งรูปแบบที่เพิ่มความสมจริงมากขึ้นเพราะมีระบบความอ้วนผอมของตัวละครที่มีเฉพาะในภาคนี้ด้วย รวมทั้งเรื่องราวที่โดดเด่นรวมทั้งระบบที่ใกล้เคียงกับภาคใหม่ที่สุดแล้ว โดยรวมทั้ง 3 ภาคยังคงเล่นได้ในยุคนี้แม้ว่าจะมีอะไรหลายอย่างดูเชยไปบ้างก็ตาม
เพิ่มเติมสิ่งใหม่นอกจากกราฟิกด้วย
อย่างที่ RockStar ได้บอกตั้งแต่เกมยังไม่ออกว่า GTA The Definitive Edition ไม่ได้ปรับแค่กราฟิกเท่านั้นยังปรับเปลี่ยนรูปแบบควบคุมบังคับด้วย โดยมีการใส่การบังคับตัวละครของ GTA ภาค 4 และ 5 เข้ามาด้วยเช่นระบบฟิสิกส์ที่สมจริงขึ้น โดยเฉพาะตอนขับรถทำให้การควบคุมมีความสมจริงขึ้น และยังมีระบบหลบเข้าที่กำบังเพื่อหลบการโจมตีของศัตรู รวมทั้งการยิงปืนตอนที่ขับรถไล่ล่าก็ปรับให้ดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามมันยังไม่สามารถเทียบเท่ากับภาคใหม่ ๆ ได้เลยทุกอย่างยังคงอยู่ในกรอบของเดิมที่ปรับให้ดีขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ระบบเมนูต่าง ๆ ใน GTA The Definitive Edition ได้เสริมเอาของใหม่ของ GTA 4 และ GTA 5 เข้ามาทำให้ระบบการเล่นเหมือนกับภาคใหม่มากขึ้น เช่นระบบนำทางที่ปรับให้ดีขึ้นทำให้เวลาเราต้องขับรถไปยังเป้าหมายหรือรับภารกิจทำได้สะดวกมากขึ้นรวมทั้งตอนไล่ล่าด้วย นอกจากนี้ระบบเมนูอาวุธได้เอาวงล้อ Weapon Wheel มาใช้งานทำให้เราเปลี่ยนอาวุธได้เร็วกว่าเดิมมาก รวมทั้งการรับภารกิจที่เวลาเราพลาดตายหรือทำผิดเงื่อนไขจนต้องเริ่มใหม่ ก็ไม่ต้องเริ่มใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เดินไปรับภารกิจกับตัวละคร NPC แล้ว ถือว่าทำให้การเล่นลื่นไหลเหมือนกับ GTA ภาคใหม่ ถือว่าเป็นส่วนดีที่สุดแล้วของการรีมาสเตอร์ครั้งนี้
ของใหม่เพิ่มไม่มากพอและพบบั๊กในเกมจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามข้อเสียหลัก ๆ ของ GTA ฉบับรีมาสเตอร์คือมีการพบบั๊กอยู่หลายจุด และบางจุดทำให้เราพลาดตายได้ง่าย ๆ เลยเช่นรถล่องหนที่อยู่ดี ๆ ก็วิ่งมาชนเรา หรือบั๊กตลก ๆ ของตัวละครหรือฉากที่เกิดอาการแปลก ๆ เช่นอยู่ในตัวอาคารแต่กลับมีฝนตกได้ หรือหลุดไปในฉากหลังของเกมที่ทำให้ไม่สามารถเล่นต่อไปได้เลยก็มี ถือว่าเลวร้ายพอ ๆ กับเกม Cyberpunk 2077 ต้องรอผู้สร้างออกตัวแก้ไขมาให้ดาวน์โหลดกันในอนาคต แต่ความจริงน่าจะทำได้ดีกว่านี้เพราะมันไม่ได้เป็นการสร้างใหม่ทั้งหมดถือว่าเสียชื่อค่ายเกมระดับ Rockstar มาก ส่วนรูปแบบการเล่นแม้จะบอกไปว่ามันปรับเปลี่ยนใหม่หลายส่วนแต่ก็ยังไม่มากพอทำให้หลายส่วนในเกมยังคงตกยุคและดูเชยอยู่
การกลับมาขายใหม่อีกครั้งใน Grand Theft Auto The Trilogy The Definitive Edition ถือว่าผิดคาดพอสมควรเพราะจากตัวอย่างที่ออกมาดูดีทำให้คาดหวังกับตัวเกมไว้มาก แต่พอได้เล่นจริงมีหลายส่วนไม่ได้เท่ากับในตัวอย่างทั้งกราฟิกที่ไม่ได้ยกระดับเท่าที่ควร แถมเกมเพลย์ก็ไม่ได้เสริมของใหม่ในส่วนที่ควรจะเพิ่มเช่นระบบเล็งยิงที่ยังเหมือนเกมต้นยุค 2000S อยู่ แถมยังพบบั๊กในเกมที่ไม่มีในต้นฉบับแต่กลับพบในภาครีมาสเตอร์นี้ด้วยก็ต้องรอให้ผู้สร้างออกมาแก้ไข แถมราคาขายที่ค่อนข้างแพงมาก ทำให้หากไม่ใช่แฟน GTA ตัวจริงอาจจะไม่คุ้มค่านัก โดยตอนนี้เกมวางขายเฉพาะแบบดาวน์โหลดผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น แบบแผ่นเกมจะวางขายในต้นเดือน ธันวาคม นี้ แต่บอกตรง ๆ ว่ามันไม่ค่อยคุ้มค่านักเรียกว่าไปเล่นแบบที่แฟนเกมทำ mods กราฟิกเองยังจะดีกว่า
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส