[Review] Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin เรื่องราวที่สานต่อจากเกมภาคแรกให้สมบูรณ์
Our score
7.5

Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin

จุดเด่น

  1. Gameplay สนุก สุดมันส์ โดนใจทั้งแฟนไฟนอล และสาวกเกมแนว Action RPG
  2. เนื้อเรื่องที่สานต่อจากภาคต้นฉบับได้ดี พร้อมกับบทสรุปที่ค้างคาใจแฟน ๆ มาหลายปี
  3. ระบบ Job ที่หลากหลาย ทำให้มีอิสระในการสร้างแนวทางการเล่นของตัวเองออกมาได้เต็มที่

จุดสังเกต

  1. กราฟิกที่แย่มาก ๆ และตกยุค ดูไม่ค่อยลงทุน
  2. ยัง Optimize ตัวเกมมาได้ไม่ดี กราฟิกแค่นี้แต่ Frame Rate ตกทั้งเกม
  • GAMEPLAY

    10.0

  • GRAPHICS

    6.0

  • STORY

    8.5

  • PERFORMANCE

    6.0

  • VALUE

    7.0

Stranger of Paradise: Final Fantasy เป็นเกมที่ผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งกระแสวิจารณ์ในด้านลบตั้งแต่ตัวอย่างที่ปล่อยมาในวันแรก พร้อมกับ Demo ที่ออกมาพร้อมกัน โดยส่วนมากก็จะโดนไปตั้งแต่เรื่องการออกแบบตัวละคร บทพูดของพระเอกที่พ่นคำว่า “Chaos” ออกมาไม่หยุดจนกลายเป็นมีม เรื่องกราฟิกที่แย่ ตกยุค อนิเมชันที่เหมือนหลุดมาจากเกมในยุค PS2 ไป PS3 แถมยังขายในราคาเทียบเท่ากับเกม AAA อีกด้วย งานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า Square Enix มีแผนอะไรกันอยู่ ถึงมั่นใจและกล้าเข็นมันออกมาจนได้

ต้องบอกก่อนเลยว่าผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ที่เล่น เพราะผมเป็นแฟนซีรีส์ Final Fantasy คนหนึ่ง และตัวเกมก็ยังได้ Team Ninja มาพัฒนาให้ โดยใช้ Gameplay ของ Nioh ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Souls-likes ทั้งหลาย อีกทั้งยังเกมนี้ยังได้ เท็ตซิยะ โนมุระ (Tetsuya Nomura ผู้ที่ออกแบบตัวละครต่าง ๆ ใน FFVII) มาเป็นโปรดิวเซอร์ และเป็นผู้ออกแบบตัวละคร พร้อมกับ คาสุชิเกะ โนจิมะ (Kazushige Nojima) (Scenario Writer และผู้สร้างจักรวาลของ FFVII) ที่ได้มาเขียนเนื้อเรื่องของ Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin (ต่อไปนี้ผมจะเรียกว่า FF Origin) ครับ

โดยรวมแล้วเราจะเรียกว่าเกมนี้เป็น Final Fantasy Souls Edition ก็ได้เลย เพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่ด้วยการที่ความเป็น Final Fantasy นั้นมันจะมีเอกลักษณ์ในตัวอยู่แล้ว เมื่อถูกนำมาผสมรวมกัน ก็ทำให้เกิด Gameplay ที่แปลกใหม่ และมันสนุกมาก ๆ เลยทีเดียว

หลาย ๆ คนอาจจะมองว่า นี่มันเป็นเกมที่ไม่ควรมีอยู่ ไม่ควรเอาชื่อ Final Fantasy ไปใช้ หรือบางคนก็ถึงกับปวดหัวกับ Square Enix ยิ่งกว่าเดิมที่กล้าปล่อยเกมตกยุคแบบนี้ออกมา บางคนถึงขั้นสาปส่ง บางคนก็รับไม่ได้ เอาเป็นว่ามีแต่กระแสแย่ ๆ ทั้งนั้น ผมยังไม่เคยเห็นคอมเมนต์ดี ๆ ของผู้เล่นชาวไทยสักเท่าไรที่พูดถึงเกมนี้เลย

จนกระทั่งผมได้เล่นมันจนจบ ผมกล้าพูดได้เลยว่า นี่เป็นผลงานที่แฟน ๆ Final Fantasy ภาคแรก (ย้ำว่าภาคแรก) จะต้องเล่นให้ได้ และห้ามพลาดเด็ดขาด


Story


เราจะได้รับบทเป็น Jack หนุ่มนักสู้ที่เดินทางมาพร้อมกับเพื่อน ๆ อีก 2 คน Ash กับ Jed โดยทั้ง 3 คนนั้นสูญเสียความทรงจำบางส่วนของตัวเองไป และจำไม่ได้ว่าทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็มีเป้าหมายร่วมกัน ก็คือจะตามล่าและกำจัด Chaos

สายลมที่หยุดนิ่ง ทะเลที่บ้าคลั่ง พื้นดินที่เริ่มเน่าเสีย และผู้คนบนโลกต่างรอคอย ความหวังเดียวของพวกเขา คำพยากรณ์ที่กล่าวไว้ว่า “เมื่อความมืดปกคลุมโลก นักรบแห่งแสงทั้งสี่จะปรากฏ”

นี่เป็น Intro ของ Final Fantasy ภาคแรกในปี 1987 ที่จะพูดถึงกลุ่มตัวละครหลัก หรือก็คือผู้เล่นเอง ที่จะได้รับแบบเป็นนักรบแห่งแสง หรือ Warriors of Light ออกตะลุยกอบกู้โลกโดยการคืนพลังแห่งแสงให้กับคริสตัลทั้ง 4 ก่อนที่จะปิดม่านฉากโดยจัดการกับ Chaos ตัวร้ายหลักของเกม

ใน Final Fantasy Origin นั้น เราจะได้รับบทเป็น Jack ที่ถือคริสตัล พร้อมกับเพื่อน ๆ ของเขาที่ได้ยินคำพยากรณ์ที่ผู้คนกล่าวไว้ว่า เมื่อถึงเวลาแล้วนักรบแห่งแสงทั้งสี่จะปรากฎ เขาจึงเดินทางไปที่ปราสาท Cornelia แสดงตัวกับพระราชา แต่พวกเขามีกันแค่ 3 คน ไม่ใช่ 4 คนตามคำพยากรณ์ ทำให้พระราชารู้สึกไม่ไว้ใจ และส่งเขาไปทำงานกำจัดเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหลาย คนมีชื่อเสียง และได้การยอมรับ จนพระราชาได้ส่งกลุ่มตัวเอกไปจัดการ Chaos เพื่อปิดฉากความโหดร้ายนี่ซะ

สิ่งที่แปลก และแตกต่างไปในเกมต้นฉบับ ก็คือเจ้าหญิง Sarah นั้นไม่ได้ถูกลักพาตัวไปไหน เธอยังอยู่ดี (ในเกมต้นฉบับ เธอถูกอัศวินนามว่า Garland ลักพาตัวไป) แต่กลับกัน Sarah เธอขอให้เราไปตามหา Garland ด้วย เพราะ “เขาเป็นคนรักของเธอ” ล่าสุดที่ Garland หายตัวไป เป็นเพราะเขาได้ออกเดินทางไปกำจัด Chaos เช่นเดียวกับเรา

พอเล่ามาจนถึงจุดนี้ ผมต้องขอบอกก่อนเลยครับว่า Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin นั้นไม่ใช่ Reboot และไม่ใช่ Remake และมันก็ไม่ใช่การตีความใหม่แต่อย่างใดเลย แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของไตรภาค Final Fantasy ภาคแรก ที่สานต่อเรื่องราวของจักรวาลชุดนี้ที่เคยเล่าไปแล้วบางส่วนใน Dissidia 012 กับสงคราม Loop 12 ครั้ง ที่สานต่อมาอย่าง Final Fantasy ภาคต้นฉบับใน 1987

ใน Final Fantasy Origin นั้น ตัวเกมจะเฉลยที่มาของ Chaos และ Garland พร้อมกับอธิบายจุดเริ่มต้นของ Timeloop ที่อยู่ใน Final Fantasy (ภาคปี 1987) และจุดประสงค์ที่แท้จริงของกลุ่ม Lufanian คือเรียกได้ว่าเฉลยปมทั้งหมด ที่แฟน ๆ ต่างกันถกและตั้งทฤษฎีต่าง ๆ กันมามากมายตลอดหลายปี รวมถึงตัวตนที่แท้จริงของอสูรทั้ง 4 ที่รับใช้ Chaos อีกด้วยครับ

ในด้านการเล่าเรื่องนั้นทำได้มาตรฐาน คือรู้สึกสนุก ติดตาม บทพูดของตัวละครที่เขียนออกมาได้ดีมาก จนต้องขอยกนิ้วให้ คาสุชิเกะ โนจิมะ ที่ฝีมือไม่เคยตกเลย เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก ๆ และบวกกับความเป็นแฟนไฟนอลของผมที่ชอบเนื้อเรื่องภาคแรกอยู่แล้ว ก็ทำให้รู้สึกอินมากกว่าเดิมอีก

แต่ถึงแบบนั้นเอง ในงานด้านการกำกับ ยังทำได้ไม่ดีนัก อีกทั้งด้วยการที่เกมมันกราฟิกเก่า แย่ ตกยุคมาก ๆ มันเลยเหมือนเป็นผลงานเกรด B ที่ดูเหมือนเกมอินดี้ทุนต่ำ เปรียบเสมือนได้กับการที่เรามีทรัพยากร หรือวัตถุดิบอาหารชั้นดี แต่อาหารจานนี้จะถูกปรุงด้วยเชฟระดับเริ่มต้น เมื่อรสชาติออกมามันก็จะดูธรรมดา หรือบางคนอาจจะมองว่ามันแย่ แต่แท้จริงแล้ววัตถุดิบที่ใช้นั้นมันแพง และเป็นของดีมาก ๆ

มันก็เหมือนกับเกมนี้ล่ะครับ ที่ได้ทั้ง 2 เทพจาก SQEX อย่าง เท็ตซึยะ โนมุระ และ คาสุชิเกะ โนจิมะ มาทำงานด้วย แต่ฝึมือของ Team Ninja ที่ยังไม่ถึงระดับนั้น และอาจจะเป็นเรื่องของงบที่จำกัด ทำให้ไม่สามารถส่งมอบ “มุมมอง และ ความตั้งใจเดิม” ของ 2 คนนี้ออกมาได้เต็มที่

แต่ถึงแบบนั้นเอง ผมกลับชอบตัวละคร Jack มากเลย เพราะนอกจากว่ามันจะตรงคอนเซ็ปต์เดิมของนักรบไร้นาม แบบเกมต้นฉบับแล้ว เขาก็ยังมีความเป็นพวกที่ไม่สนโลก ไม่สนอะไรเลย ไม่สนแม้แต่คำพูดพล่ามของศัตรู เพราะเขาต้องการรีบฆ่าให้มันจบ ๆ ไป จุดหมายเดียวของเขาคือ Chaos มันอาจจะฟังแลดูแปลก ๆ แต่ผมบอกเลยว่า Jack นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ออกแบบมาได้ดี และมีความนุ่มลึกเป็นอย่างมาก และเมื่อเล่นจบมันจะช่วยเน้นย้ำคำพูดของผมเอาไว้ได้เป็นอย่างดีครับ


Gameplay


ผมบอกเลยว่า ถ้าปีนี้ไม่มี Elden Ring วางขายตัดหน้า Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin จะกลายเป็นเกมที่มีระบบต่อสู้ยอดเยี่ยมที่สุด หรือไม่แน่ก็อาจจะมีลุ้นไปชิงกันได้ เพราะระบบต่อสู้ของ FF Origin นั้น บอกเลยว่า โคตรดี และยอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ

พูดแบบนี้อาจจะหาว่าผมอวยเกินไป เอาจริง ๆ แล้วพื้นฐานของมันก็คือการนำเอา Nioh มาใส่ Skin Final Fantasy นั่นล่ะครับ แต่ดัน บังเอิญว่าเกมที่เอามาใส่ Skin เป็น Final Fantasy นี่ล่ะ ด้วยการที่ซีรีส์นี้มันมีอายุมามากกว่า 35 ปี ทำให้เหมือนเป็นสวนสนุกของทีมงาน ที่มาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์ในการทำเกม Action RPG ที่มาจาก Final Fantasy แบบฉบับของตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่อง Job ที่มีเยอะมาก ชื่อสกิลต่าง ๆ เหล่ามอนสเตอร์ที่ในทำเอาแฟน ๆ ไฟนอลจะต้องรู้สึกเหมือนได้อยู่ในบ้านที่ตัวเองคุ้นเคย ไล่ไปตั้งแต่ Warrior, Black Mage, White Mage, Red Mage, Dragoon, Monk, Ninja และอีกสาราพัด แถมเกมนี้ยังได้ใส่จุดเด่นที่สุดของไฟนอลทุก ๆ ภาคมา ก็คือการที่เราสามารถปรับแต่ง Job ได้ตามใจชอบ รวมไปถึงยืมเอาสกิลจากอีก Job นึงมาใช้ได้ ผสมผสานกับ Weapon Skill ที่ผมเล่นสาย Warrior แต่สามารถไปใช้ดาบซามูไร แล้วเอา Weapon Skill ที่อัพไว้แล้วจากการเก็บเลเวล Job Samurai มาใช้ในสายอื่นได้

หรือจะเป็นนักเวทย์อย่าง Red Mage ที่เรียนสกิลสาย Black Mage และ White Mage มาผสมรวมกัน พร้อมกับความสามารถติดตัวอย่าง Chain Spell ที่ร่ายเวทย์สองครั้งพร้อมกันได้ หรืออย่าง Dragoon กับความสามารถ Jump สุดเท่ที่เกมนี้ก็มีมา และมีอีกหลากหลายรูปแบบที่ผมคงพูดไม่หมด เพราะมันเยอะมากจริง ๆ

ระบบต่อสู้ เอาเข้าจริงแล้วมันก็คือ Dark Souls นั่นแหล่ะครับ แต่เป็น Dark Souls ที่เล่นง่ายกว่าเยอะมาก ๆๆๆๆๆ และง่ายกว่า Nioh ด้วยซ้ำไป เพราะว่าคราวนี้ตัวเอกมันไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว มันเป็นนักรบแห่งแสงที่มาพร้อมกับความไม่สนโลก นอกจากการฆ่าสิ่งที่ขว้างหน้า เป็นนักรบแห่งแสงสายโหด ที่มาพร้อมกับพละกำลังสุดแกร่ง จนทำเอาผมคิดว่า คนที่ต้องกลัวคือศัครู ไม่ใช่เรา มันจะคนละอารมณ์กับ Dark Souls เลยล่ะครับ

การบังคับทุกอย่างจะเหมือน Dark Souls, Nioh เกือบหมดเลย แต่ในเกมนี้เราจะสามารถใช้ Weapon Skill ได้ (คล้าย ๆ กับ Weapon Art ใน Dark Souls) เพียงแต่ว่ามันจะขึ้นอยู่กับตาม Link Combo ของการโจมตีปกติของเรา

เช่นถ้าผมตั้งสกิล Jump เอาไว้ที่ Link 1 เมื่อกดโจมตีธรรมดา 1 ครั้ง และเมื่อกดปุ่มใช้สกิล มันก็จะตามด้วย Jump หรือถ้าผมตั้งสกิล fell cleave เอาไว้ที่ Link 3 เมื่อกดโจมตีธรรมดา 3 ครั้งแล้วกดปุ่่มใช้สกิล มันก็จะตามด้วย Fell Cleave อะไรแบบนี้ครับ และในทุก ๆ อาชีพมันก็จะมีอาวุธที่ต่างกัน ทำให้หลักการกด Link Skill แตกต่างกันออกไป อย่าง Samurai ที่จะมี Stance ของตัวเอง ทำให้เราต่อยอดสไตล์การเล่นไปได้อีกกว้างมาก ๆ

และอย่างที่ผมบอกไปว่าเราสามารถสลับไปมาระหว่าง 2 Job ได้ระหว่างต่อสู้ นั่นหมายความว่าผมอาจจะเป็นทั้ง Red Mage และ Paladin พร้อมกัน และสลับไปมาตามสถานการณ์ได้ เราสามารถจัดการเรื่อง Job ได้ที่ Cube (หรือมันก็คือ Bonfire นั่นแหล่ะ) แน่นอนว่าแต่ละ Job ก็จะใช้อาวุธที่แตกต่างกันออกไปครับ โดยจะมี Job บางสายที่ใช้อาวุธได้หลายแบบ (อย่างเช่น Warrior ที่จะใช้ดาบใหญ่ หรือ ขวานใหญ่ก็ได้)

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบสุด ๆ ก็คือระบบ Soul Shield โดยพื้นฐานของระบบนี้มันก็คือการ Block การโจมตีของศัตรูนั่นล่ะครับ แต่นอกจากว่าจะ Block ปกติแล้ว มันจะดูดเอาพลังงานมาเพิ่ม MP ให้กับตัวละคร และเราก็จะใช้สกิลได้เรื่อย ๆ เลยนั่นเอง แถมมันยังดูดเอาสกิลของศัตรูที่ใช้ใส่เรา ยิงใส่กลับคืนไปได้ด้วยนะเออ ใช้ได้ตั้งแต่ตัวธรรมดายันบอสเลย

สุดท้ายคือระบบ Break ครับ ตรงนี้จะคล้าย ๆ กับ Nioh คือเมื่อศัตรูหมดแรง เราสามารถใช้ถ้า Finisher ได้เลย และศัตรูมันก็จะตายทันทีเลยครับ ไม่ว่าตัวจะใหญ่แค่ไหน อึดแค่ไหน ถ้าเรา Break มันได้ มันตายทันทีเลย และเราก็ยังได้ MAX MP มาอีกด้วย เพิ่มเติมอีกอย่างคือท่า Finisher ของ Jack นั้นมันดูโหด และมีพลังมาก ๆ คือสะใจแน่นอน เหมือนได้เล่น Mortal Kombat กันเลยทีเดียว

เกมนี้ไม่ได้เป็น Open World ครับ แต่มันเป็นการเลือก Mission แบบเดียวกับ Nioh ลืมไปได้เลยกับความหวังที่จะได้เดินเล่นในเมือง หรือพูดคุยกับ NPC ต่าง ๆ ตัวเกมนั้นมีความยาวประมาณ 15 ชั่วโมง ถ้าหากนับแค่เนื้อเรื่องหลักเพียงอย่างเดียว แต่ผมได้ใช้เวลาไปประมาณ 19 ชั่วโมงจบเกม โดยทำ Side Mission ไปด้วยระหว่างเล่นครับ (แต่ยังทำไม่หมดนะ)

มาพูดเรื่อง Side Mission ก็เหมือนเดิมครับ ตามสไตล์ของ Team Ninja คือนำเอาฉากเดิมกลับมา Reuse ใหม่ แต่ใส่ภารกิจใหม่เข้าไปแทน ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ วนไป ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ที่จุดประสงค์ที่เข้าไปทำ Side Mission คือเพื่อไปหาอุปกรณ์ใหม่ ๆ และปลดล็อก Job ใหม่ให้กับเพื่อนในปาร์ตี้

พูดถึงปาร์ตี้ เกมนี้เราจะลุยเดี่ยวก็ได้ หรือจะแบกเพื่อน (หรือเพื่อนแบกเรา) ไปได้สูงสุด 3 คน (รวมเรา) และผมขอบอกเลยว่า AI เพื่อนเรานั้นมีความฉลาดอยู่ในขั้นที่โอเค และพึ่งพาได้จริง ๆ แต่มันจะพึ่งพาได้ก็ต่อเมื่อเราสั่งให้ใช้สกิลนะครับ แต่เราไม่ได้สั่งอะไร มันก็จะพึ่งพาอะไรไม่ได้สักเท่าไร

เราสามารถสั่งให้เพื่อนเราประโคมสกิลชุดใหญ่ใส่ศัตรูได้ แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับ MP และมี Cooldown ด้วย เมื่อสั่งให้ใช้ เพื่อน ๆ เราจะจัดชุดใหญ่ชนิดที่ว่าเราไม่ต้องทำอะไร ยืนดูเฉย ๆ ก็ยังได้เลยครับ หรือใน Boss Fight บางตัว เพื่อนเรานั่นจะคอยช่วย Tank ให้เราด้วย ถ้าเราเลือก Job Tank ให้เพื่อน เป็นอะไรที่ดีมาก ๆ

พอเห็นแบบนี้แล้ว เรามาพูดถึงระดับความยากกันหน่อย คือเกมนี้มันจะมีความยากมาให้ 3 ระดับครับ Story, Action , Hard และจะมีอีกระดับคือ Chaos ที่จะปลดล็อกมาให้หลังจบเนื้อเรื่องหลัก โดยช่วงต้นเกมก็เล่นในแบบ Hard ไปได้สัก น่าจะใกล้ ๆ ท้ายเกมแล้วจึงปรับไปเล่น Action แทน เพราะมันมีบอสบางตัวที่โหดมาก จนแบบ ขอเถอะจะได้จบเกมสักที เพราะไม่อยากไปฟาร์มต่อแล้ว แต่ในระดับ Action นั้นก็ไม่ง่ายและไม่ยากเกินไปครับ

เกมนี้มีระบบออนไลน์ด้วย แต่ผมยังไม่เคยเรียกใครมา Coop เลย ส่วนนึงเพราะผมหาคนไม่ได้จริง ๆ ขนาดพยายามสุด ๆ แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นที่ผมเอง หรือเกมนี้ไม่มีคนเล่นเลยกันแน่

Gameplay โดยรวมแล้ว Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin มันยังคงเอกลักษณ์เดิม ๆ ของ Final Fantasy เอาไว้ได้ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยครับ ใครที่เป็นแฟนไฟนอลมาเล่น ผมบอกเลยว่าต้องถูกใจแน่นอน


Graphics & Performance


โคตรแย่เลยครับ เอาจริง ๆ กราฟิกเองก็แย่มากพอแล้ว พอมาเรื่องประสิทธิภาพมันแย่กว่าเดิมอีก เพราะใครจะไปคิดว่าเกมแบบนี้ ภาพแบบนี้ เมื่อมาอยู่ใน PS5 มันยังไม่สามารถรันแบบ 60FPS ให้นิ่ง ๆ ได้เลย เรื่องนี้ไม่ต้องโทษเครื่อง PS5 เลย แต่มันเป็นเพราะ Team Ninja เองที่ทำได้แย่มากครับ

ตัวเกมจะมีตัวเลือก Graphics มาให้สองแบบครับก็คือ Favor Performance และ Favor Resolution ที่เอาจริง ๆ นะ ผมยังไม่รู้เลยว่ามันแตกต่างกันตรงไหน นอกจากในโหมด Favor Resolution ที่จะทำให้ Frame Rate มันแย่กว่าเดิม และกราฟิกมันก็ไม่ได้สวยหรือดูดีขึ้นอะไรเลย เพราะฉะนั้นภาพทั้งหมดที่เห็นในบทความนี้คือเป็นภาพจากโหมด Favor Performance ทั้งหมดครับ

ผมลองเช็คดูจาก Output ของหน้าจอดู ก็พบว่าทั้งสองโหมดปล่อยภาพออกมาที่ 1080p เท่ากัน ทำให้ยิ่งไม่เข้าใจไปมากกว่าเดิมอีกว่าแล้วจะมีโหมด Resolution ไว้ทำเพื่ออะไรจริง ๆ

ในส่วนของงานภาพในเกม ก็อย่างที่บอกไปครับว่ามันแย่มาก ๆ เหมือนหลุดออกมาจากเกม PS3 ที่เอาจริง ๆ ยังมีเกม PS3 บางเกมดูดีกว่าเกมนี้อีก ทั้ง Texture ที่หยาบ ภาพที่แตก รอยหยักเต็มไปหมดทั้งเกม การเคลื่อนไหวที่มันแลดูแปลก ๆ ความละเอียดภาพที่เบลอ และมันจะเห็นได้ชัดมากเลยเมื่อเอาไปเล่นในทีวีจอใหญ่ ๆ เรียกได้ว่าภาพแตกจนละเอียดเลยทีเดียว

แถมยังมีงาน Reuse อีกแล้วด้วยครับ ไม่รู้ว่าช่วงนี้ Square Enix งบน้อยหรืออย่างไร เพราะผมเห็น Texture ซ้ำ ๆ ในเกมเยอะมาก และยิ่งไปกว่านั้น ในดันเจี้ยนแห่งหนึ่งในเกม มีการเอา Texture จาก Final Fantasy XIV มาใช้ซ้ำอีกด้วย แถมยังเอามาทั้งแผงเลยนะ ทำเอาคนที่เคยเล่น FFXIV น่าจะต้องมีความรู้สึกว่า “ฉันเคยมาที่นี่” กันแล้วบ้าง

ยังดีที่พวกอาวุธ ชุดเกราะมีการออกแบบใหม่บ้าง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าชุดบางอย่างก็ให้ความรู้เหมือนไปหยิบเอา Asset จาก FFXIV มาใช้เป็นแบบมากกว่าแทนการออกแบบใหม่ อาจจะเป็นเพราะว่าผมเล่น FFXIV มากเกินไป และบวกกับความเป็น Final Fantasy แล้ว มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มากก็ได้ครับ


สรุป


Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin ไม่ใช่เกมที่ดี และก็ไม่ใช่เกมที่แย่ครับ มันอาจจะมีปัญหาในบางจุด โดยหลัก ๆ ก็ถือเรื่องกราฟิก แต่ถ้าเราก้าวข้ามมันไปได้ จริง ๆ เกมมันก็สนุกอยู่นะ

อย่างที่ผมบอกไปว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันเลยจริง ๆ ยิ่งตอนได้เล่น Demo เมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ก็รู้เลยว่าสภาพแบบนี้ โดนด่าแน่นอน แต่พอได้มาเล่นตัวเต็มจนจบแล้ว ผมยังขอยืนยันคำเดิมเลยว่า แฟน ๆ ที่รักและชื่นชอบจักรวาล Final Fantasy ภาคแรกนั้นจะต้องเล่นให้ได้ เพราะมันดีจริง ๆ นะ

สุดท้ายนี้ผมมองว่านี่อาจจะเป็นการโยนหินถามทาง (ที่โยนไม่่ค่อยดีเลย) กับแฟน ๆ ไฟนอลว่า ถ้าสักวันนึงทีมงานอาจจะอยากเปลี่ยน Gameplay ของเกมภาคหลัก อาจจะเป็นภาค 17-18-19 ให้มันเป็นแนว Action เต็มตัวขึ้นมา แฟน ๆ จะมองว่าอย่างไรกันบ้าง แต่ถ้าถามผมล่ะก็ ผมพูดตรง ๆ เลยว่าผมชอบ Gameplay ของเกมนี้ มากกว่า Final Fantasy XV หรือ Final Fantasy VII Remake เสียอีกครับ

Stranger of Paradise: Final Fantasy Origin วางขายแล้ววันนี้ สำหรับ PC, PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X/S

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส