Our score
9.0Kirby and the Forgotten Land
จุดเด่น
- เกมเพลย์ 3 มิติที่สนุกเข้าใจง่าย
- โหมดใหม่ที่กินสิ่งของได้
- มีสิ่งให้ทำมากมายอัปเกรดค่าพลังได้
จุดสังเกต
- ไม่ใช่เกม โลกอิสระ
- กราฟิกมีข้อด้อยในบางจุด
ปรกติแล้วเมื่อพูดถึงเจ้าอ้วนกลมชมพูอย่าง เคอร์บี้ แฟน ๆ ส่วนใหญ่จะคิดถึงเกม 2 มิติมุมมองด้านข้าง เพราะส่วนใหญ่ซีรีส์เคอร์บี้ มักจะไม่ค่อยจะมาแบบ 3 มิติ แม้ว่าอาจจะมีบางภาคที่เป็น 3D แต่ก็ไม่ใช่ภาคหลัก ทำให้การมาของ Kirby and the Forgotten Land บน Nintendo Switch ถือว่าสร้างความประหลาดใจพอสมควร
เพราะใน Kirby and the Forgotten Land นำเสนอรูปแบบการเล่นแบบ 3 มิติจัดเต็ม และดูเหมือนว่าจะมีโลกกว้าง ๆ ให้สำรวจ ยิ่งทำให้แฟนเกมหลายคนอยากสัมผัส เพราะถือว่าเป็นครั้งแรกของภาคหลักที่เจ้าอ้วนกลมอมชมพู จะออกจากโลก 2D มาสู่ความมีมิติแบบจัดเต็ม แถมยังเสริมด้วยลูกเล่นแปลก ๆ มากมายถือไม่ได้เห็นบ่อยนักสำหรับเกมที่สร้างจากทีมงาน HAL Laboratory
ส่วนเรื่องราวใน Kirby and the Forgotten Land จะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าอ้วนกลมถูกดูดกลืนเข้าไปในโลกที่ล่มสลายกลายเป็นเมืองร้าง ที่ Waddle Dees จะประชากรหลักในโลกนี้และจะโดนจับตัวไปเกือบหมด โดยปีศาจร้าย Beast Pack และเคอร์บี้จะได้รับการช่วยเหลือจาก Elfilin ที่หน้าตาเหมือนกระรอกบินที่จะนำพาเราสู่ดินแดนรกร้าง ที่เราต้องค่อย ๆ ฟื้นฟูให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง
กราฟิกในเกมเกือบจะดีแล้ว
ภาพในเกมถือว่าจะชมก็ไม่เต็มปาก จะติก็ไม่ได้อีกเพราะมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียพอ ๆ กันโดยสิ่งที่ต้องชมคืองานออกแบบตัวละครที่ยังคงความน่ารักของซีรีส์เคอร์บี้ อยู่ครบถ้วนไม่ได้ฉีกออกมาตามแนวทางที่เปลี่ยนไปของเกม และมีการเก็บรายละเอียดได้ดี มีการใส่แสงเงาที่สวยงามรวมทั้งพื้นผิวที่ใส่เข้ามาในระดับดีงาม แต่ความละเอียดของเกมมาแบบผสมผสาน เพราะมีทั้งความละเอียดสูงแต่มีข้อเสียที่มีการปรับลดความละเอียดลงในฉากที่เห็นโลกกว้าง ๆ
โดยหากคุณมองฉากในระยะไกล ๆ ก็จะเห็นว่ามันขาดความคมชัดและลดรายละเอียดลงรวมทั้งเฟรมเรตที่ไม่ได้ลื่นนัก แต่โดยรวมถือว่าดีแม้ส่วนตัวจะคิดว่ายังไม่เท่ากับภาพในเกม Super Mario Odyssey ส่วนเพลงประกอบถือว่าทำออกมาดีมาก มีการแต่งเพลงธีมที่ติดหูและเป็นเพลงใหม่ ที่ใส่ทั้งความสนุกสนานสดใหม่และเข้ากับฉากในเกมที่มีภูมิประเทศที่หลากหลายแตกต่างกัน แน่นอนว่ามันยังคงไม่มีเสียงพากย์เหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้ดูเชยอะไร
รูปแบบการเล่น 3 มิติแต่ไม่ได้มีความอิสระ
ในตอนแรกหลายคนอาจจะคิดว่า Kirby and the Forgotten Land จะมาแนว Open World หรือโลกอิสระที่สำรวจได้ทั่ว แต่พอได้เล่นมันไม่ใช่เลยเพราะมันยังคงอยู่ในกรอบของแอ็กชัน 3 มิติตะลุยด่านเหมือนกับ Super Mario แบบ 3 มิติที่คล้ายกับภาค Mario 3D World อย่างมาก อย่างแรกคือมุมกล้องที่แม้จะเป็น 3D แต่ปรับมุมกล้องไม่ได้มากมายนัก มุมกล้องส่วนใหญ่ยังถูกล็อกไว้ให้จำกัด แต่ก็ทำให้เล่นง่ายไม่มึนหัวกับการเปลี่ยนมุมกล้อง แต่ก็ทำให้ขาดความอิสระและหากใครหวังว่ามันจะเป็นโลกอิสระคงต้องผิดหวังแน่
ส่วนเกมเพลย์หลัก ๆ คือการออกไปตะลุยด่านที่จะมีภารกิจช่วยเหลือ Waddle Dees ที่อยู่ท้ายฉาก แต่ก็จะมีบางตัวซ่อนอยู่ในฉากที่ต้องค้นหา และยังมีภารกิจย่อย ๆ อยู่ด้วยเช่นการช่วยลูกเป็ดให้ไปหาแม่เป็ด ส่วนฉากและงานออกแบบถือว่าไม่ได้ฉีกความเป็นเกมจากค่าย Nintendo ที่มาแนวที่เราต้องกระโดดไปตามพื้นผิวและใช้อุปสรรคกับดักที่ซับซ้อน และอย่างที่บอกว่าทุกอย่างมีความเหมือนกับ Mario 3D World อยู่หลายจุดแต่ผู้สร้างสามารถผสานความเป็นเคอร์บี้ได้ลงตัว
โดยจุดเด่นของซีรีส์เคอร์บี้ คือการดูดกลืนศัตรูเข้าท้องแล้วเอาพลังของมันมาใช้งาน ที่ในภาค Kirby and the Forgotten Land แม้จะเปลี่ยนมาเป็น 3 มิติแล้วก็ยังคงมีรูปแบบนี้เหมือนเดิม แม้ประเภทของตัวที่ดูดกลืนได้อาจจะมีไม่มากเท่าภาคอื่นแต่ก็ถือว่ามีมาให้พอสมควร แต่ที่ต้องชมมาก ๆ คือทีมสร้างได้ใส่ระบบอัปเกรดพลังที่ได้จากศัตรูให้มีความรุนแรงมากขึ้น และยังทำได้หลายระดับด้วย ถือว่าดีงามมากโดยวิธีการอัปเกรดก็ง่าย ๆ แค่ไปเอาตำราที่ซ่อนอยู่มาให้ร้านค้าในเมืองแล้วต้องสะสมดาวรวมทั้งใช้เงินด้วย
ความสามารถใหม่เต็มปากเต็มคำ
และสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่เป็นของใหม่ในภาคนี้คือโหมดเต็มปากเต็มคำ ที่เจ้าอ้วนเคอร์บี้จะสามารถใช้พลังดูดกลืนที่รุนแรง และจะใช้กลืนสิ่งของที่ไม่ใช่ศัตรูเช่น รถยนต์ แล้วจะบังคับให้รถเคลื่อนที่ไปในฉากได้ และยังมีอีกหลายสิ่งที่กินได้ทั้งตู้กดน้ำที่ใช้ยิงกระป๋องน้ำใส่ศัตรู หรือกินของแปลก ๆ ที่ทำให้เคอร์บี้กลายร่างเป็นเครื่องร่อน หรือกินรถไฟเหาะแล้วจะใช้วิ่งไปตามราง ที่ในเกมจะมีการใส่ฉากที่จำเป็นต้องใช้ความสามารถพิเศษโดยเฉพาะ แม้ว่ามันจะเหมือนการเล่นมินิเกมในตัวเกมหลักไปหน่อยแต่ก็เนื่องจากมันทำออกมาสนุกลงตัวทำให้มันไม่ใช่ข้อเสีย
และของใหม่คือการสร้างบ้านสร้างเมืองที่เป็นเมืองของ Waddle Dees ที่จะค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นตามจำนวนตัว Waddle Dees ที่เราช่วยเหลือออกมาได้ และเมื่อเมืองใหญ่ขึ้นจะเพิ่มสิ่งใหม่เช่นร้านค้าเพื่อซื้อของ , มีบ้านไว้พักผ่อนเติมพลัง รวมทั้งมีร้านอัปเกรดค่าพลังตัวละครด้วย แน่นอนว่ามีลานประลองให้เราต่อสู้กับบอสแบบตัวต่อตัวได้ด้วย และข่าวดีสำหรับคนที่อยากเล่นกับเพื่อนเพราะมีโหมดเล่นหลายคนด้วย โดยเพื่อนเราจะได้รับบทเป็น Waddle Dees แทน โดยรวมถือว่ามีของใหม่ให้เราอยู่กับเกมได้ยาวนานกว่าเดิมมากแม้จะไม่ใช่แนวโลกอิสระก็ตาม
สำหรับการมาสู่โลก 3 มิติใน Kirby and the Forgotten Land ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดไว้มาก แม้ว่าอาจจะไม่ได้สนุกเทียบเท่ากับ Super Mario 3D World แต่ก็ทำได้ใกล้เคียง และยังไม่ทิ้งความเป็นเคอร์บี้แถมยังใส่ของใหม่เข้าไปอย่างโหมดกลืนกินสิ่งของ และยังอัปเกรดของเดิมอย่างการดูดพลังศัตรูให้ดีกว่าเดิม ถือว่าเป็นซีรีส์เคอร์บี้ที่ไม่ควรพลาดหากคุณมี Nintendo Switch
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส