ผลการแข่งสุดพลิกนรกในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ระหว่าง ‘สิงห์บลู’ เชลซี ที่เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริจด์ ต้อนรับการมาเยือนของ ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเป็นฝั่งเชลซีที่ทำได้ดีกว่าสามารถเอาชนะไปได้อย่างดุเดือดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ไปด้วยสกอร์ 4-3 เรียกได้ว่า เกือบหลับแต่กลับมาได้ของจริง
เกมเปิดหัวมาด้วยเชลซีที่เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากประตูของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ก่อนจะมาได้ประตูทิ้งห่างเป็น 2-0 จากจุดโทษของ โคล พาลเมอร์ แต่แมนฯ ยูไนเต็ดก็ไม่ถอดใจไล่ตีแตกได้ 2-1 จากประตูของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ และมาได้ประตูตีเสมอในช่วงห่างเวลาที่ห่างจากประตูตีไข่แตกไม่ถึง 5 นาที จากประตูของ บรูโน่ แฟร์นันเดส ทำให้สกอร์ในครึ่งแรกจบไปที่ 2-2 มาว่ากันใหม่ในช่วงครึ่งหลัง
ครึ่งหลังทั้งเปิดเกมแลกกันอย่างสูสี ก่อนแมนฯยูไนเต็ดจะได้ประตูแซงขึ้นนำจากลูกไซด์ก้อยแอสซิสต์สุดสวยของ แอนโทนี่ มาที่จุดนัดพบให้ อเลฮานโดร การ์นาโช่ โหม่งเข้าไปเป็น 2-3 เกมทำท่าว่าจะจบด้วยสกอร์นี้ แต่จุดเปลี่ยนคือเชลซีมาได้จุดโทษในช่วงท้ายเกมในนาทีที่ 90+6 และเป็น โคล พาลเมอร์ ซัดเข้าไป สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้ง แต่เกมไม่จบแค่นั้นด้วยโมเมนตัมที่กำลังเข้าทางเชลซี ทำให้เชลซีกลับมาคึกคักอีกครั้ง ก่อนจะมาได้ประตูชัยในนาทีที่ 90+11 จาก โคล พาลเมอร์ คนดีคนเดิมและเป็นแฮตทริกของเจ้าตัว ทำให้สกอร์เป็น 4-3 พลิกกลับมาชนะได้อย่างโคตรดราม่า
ซึ่งแมนออฟเดอะแมตช์ของเกมในวันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก โคล พาลเมอร์ ที่ซัดแฮตทริกทำให้เชลซีพลิกกลับมาชนะและพาทีมคว้า 3 แต้มได้สำเร็จ ซึ่งสถิติของ โคล พาลเมอร์ในฤดูกาลนี้ เจ้าตัวมีส่วนร่วมในการทำประตูไปแล้ว 24 ประตู จาก 25 นัดในพรีเมียร์ลีก แบ่งเป็น 16 ประตู กับ 8 แอสซิสต์