การถูกเลือกปฏิบัติ หรือ Discrimination คือ การที่คนคนหนึ่งได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ซึ่งผลกระทบของการถูกกีดกันเหล่านี้ สามารถทำให้เกิดปัญหาทางด้านจิตใจขึ้นมาได้ และยังเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อหลักการความเท่าเทียมของมนุษย์ด้วย  

อ้างอิงจากข้อมูลของศาสตราจารย์ Vickie Mays แห่ง UCLA Fielding School of Public Health ในภาควิชานโยบายสุขภาพและการจัดการ ที่ได้ทำการวิจัยร่วมกับ Susan Cochran ศาสตราจารย์ในภาควิชาระบาดวิทยาที่ UCLA พบว่า 

“มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเราได้รับการปฏิบัติอย่างแตกต่าง ไม่ยุติธรรม อาจสร้างผลกระทบทางจิตใจ ให้กับผู้ที่ถูกกระทำ โดยเริ่มตั้งแต่การเห็นคุณค่าในตัวเองต่ำ จนอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลและก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า”    

การถูกเลือกปฏิบัติมีอะไรบ้าง? 

  • การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ และอาจทำให้เกิดโอกาสที่ไม่เท่าเทียมกันในการจ้างงาน  
  • การเลือกปฏิบัติทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างเพศชาย เพศหญิง หรือ LGBTQ+ 
  • ปฏิเสธการให้บริการ การเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน หรือร้ายแรงไปจนถึงเกิดการคุกคาม
  • การเลือกปฏิบัติด้านอายุ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุมาก  
  • การเลือกปฏิบัติต่อความพิการ อาจส่งผลไปถึงการได้รับโอกาสในการจ้างงาน  
  • การเลือกปฏิบัติทางศาสนา ที่กระทำต่อผู้ที่มีศาสนาที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือศาสนาอื่น ๆ 

ตามหลักการพื้นฐานความเท่าเทียมของมนุษย์ในปัจจุบันนี้ ไม่ควรมีใครที่จะถูกเลือกปฏิบัติ ดังนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เราทุกคนต้องตระหนักถึงความสำคัญในจุดนี้ และในกรณีที่การเลือกปฏิบัติเกิดขึ้นกับคุณ ให้คุณบอกตัวเองเอาไว้เลยว่า คุณไม่ได้ทำอะไรผิด “มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมด” 

หลังจากนั้นค่อยหาทางแก้ไขในสิ่งที่คุณเจอต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน หรืออื่น ๆ ซึ่งมีหน่วยงานให้เปิดให้คุณได้ร้องเรียนอยู่ ตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชน