เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ต่างหันมาห่วงใยและใส่ใจในสุขภาพกันมากขึ้น และในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกล แอปพลิเคชันก็กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญในการดูแลสุขภาพของใครหลายคน วันนี้เรามาอัปเดตกันว่ามีแอปอะไรบ้างที่น่าสนใจ และช่วยให้ชีวิตของเราสมดุลและแข็งแรงขึ้นได้อย่างไรบ้าง
1. MyFitnessPal – ผู้ช่วยนับแคลอรีสุดฉลาด
เริ่มต้นกันที่แอปยอดนิยมอย่าง MyFitnessPal แอปนี้จะเป็นเหมือน “ไดอารี่อาหารดิจิทัล” ที่คอยติดตามการกินอาหารของคุณในแต่ละวัน และด้วยฐานข้อมูลอาหารขนาดใหญ่ (มาก) ทำให้สามารถค้นหาและบันทึกอาหารที่กินไปได้แทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารฝรั่ง หรือแม้แต่เมนูจากร้านอาหารดัง
ที่น่าสนใจคือแอป MyFitnessPal นี้ยังมีฟีเจอร์สแกนบาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์อาหาร ที่จะทำให้การบันทึกข้อมูลโภชนาการของคุณเป็นเรื่องง่าย แค่สแกนก็รู้แล้วว่าอาหารชิ้นนั้นมีแคลอรีเท่าไหร่ มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันเท่าไหร่บ้าง
สำหรับคนที่อยากจะควบคุมน้ำหนัก แอปนี้ก็มีฟังก์ชันตั้งเป้าหมายน้ำหนักและคำนวณปริมาณแคลอรีที่ควรบริโภคต่อวันได้ ทำให้เราสามารถวางแผนการกินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ MyFitnessPal ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปออกกำลังกายและอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆ ได้ด้วย ทำให้เราสามารถติดตามการเผาผลาญพลังงานได้อย่างแม่นยำ ถือเป็นแอปที่ครบเครื่องทั้งเรื่องการควบคุมอาหารและคุมน้ำหนักได้ในแอปเดียว
2. Calm – สงบจิต พิชิตความเครียด
ในยุคที่ความเครียดกลายเป็นเรื่องปกติของคนทำงาน แอป Calm สามารถเป็นตัวช่วยในการจัดการความเครียดและความวิตกกังวลได้เป็นอย่างดี โดยแอปนี้จะนำเสนอเนื้อหาด้านการทำสมาธิ การฝึกหายใจ และเสียงธรรมชาติที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้
ฟีเจอร์เด่นของ Calm ก็คือ “Sleep Stories” เรื่องเล่าก่อนนอนที่เล่าโดยคนดังระดับโลก เช่น แมทธิว แมกคอนาเฮย์ (Matthew McConaughey) หรือ อิดริส เอลบา (Idris Elba) เป็นต้น ซึ่งเสียงนุ่ม ๆ ของพวกเขาจะพาคุณล่องลอยเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างแน่นอน
นอกจากเรื่องเล่าเสียงนุ่มจากหนุ่ม ๆ คนดังแล้ว Calm ยังมีบทเพลงผ่อนคลายที่แต่งโดยศิลปินชื่อดัง รวมไปถึงแบบฝึกหัดโยคะง่าย ๆ ที่ทำได้แม้อยู่ในออฟฟิศ ช่วยให้คุณหาความสงบสุขท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตได้อย่างง่ายดายในทุกที่ ทุกเวลา
3. Sleep Cycle – นอนอย่างมีคุณภาพ ตื่นอย่างสดชื่น
พูดถึงการนอน เราก็ต้องพูดถึงแอป Sleep Cycle เสมือนนาฬิกาปลุกอัจฉริยะที่จะช่วยให้คุณตื่นนอนอย่างสดชื่นทุกเช้า โดยแอปนี้ได้ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์การนอนผ่านเสียงหรือการเคลื่อนไหว และจะเลือกปลุกในช่วงที่คุณหลับตื้นที่สุดในรอบ 30 นาทีก่อนเวลาตื่นที่คุณตั้งไว้
ตัวอย่างเช่น คุณตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 7 โมงเช้า Sleep Cycle จะเริ่มสังเกตการนอนของคุณตั้งแต่ 6.30 น. และจะเลือกปลุกคุณในจังหวะที่เหมาะสมที่สุด ทำให้คุณตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น และไม่งัวเงีย
นอกจากนี้ Sleep Cycle ยังบันทึกข้อมูลการนอนของคุณ ให้คุณได้เห็นแพทเทิร์นการนอนของตัวเอง ได้รู้ว่าคุณนอนกี่ชั่วโมง คุณภาพการนอนเป็นอย่างไร และมีปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อการนอนของคุณบ้าง เช่น การดื่มกาแฟ การออกกำลังกาย หรือแม้แต่สภาพอากาศ เป็นต้น
4. Headspace – สมาธิง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว
อีกหนึ่งแอปที่จะช่วยจัดการความเครียดและความวิตกกังวลได้ดีไม่แพ้ Calm ก็คือ Headspace แอปนี้จะช่วยให้คุณฝึกสมาธิได้ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ด้วยภาพประกอบการ์ตูนน่ารัก ๆ และเสียงบรรยายที่ชวนฟัง
โดยใน Headspace นี้จะมีคอร์สสอนทำสมาธิในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การฝึกสมาธิพื้นฐานไปจนถึงการฝึกสมาธิเฉพาะทาง เช่น สมาธิเพื่อการนอนหลับ สมาธิเพื่อลดความเครียด หรือแม้แต่สมาธิสำหรับการทำงาน
นอกจากนี้ Headspace ยังมี “SOS sessions” สำหรับจัดการกับภาวะความเครียดเฉียบพลัน เช่น ก่อนการประชุมนัดสำคัญ หรือเมื่อรู้สึกโมโหจัด ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนทำงานที่ต้องเผชิญกับความกดดันบ่อย ๆ
5. Fitbod – โค้ชส่วนตัวในมือคุณ
สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายที่ยิม แอป Fitbod ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ เพราะแอปนี้จะทำหน้าที่เสมือนโค้ชส่วนตัวที่ช่วยสร้างโปรแกรมการออกกำลังกายให้คุณโดยเฉพาะ โดยคำนึงถึงอุปกรณ์ที่มี เป้าหมายการออกกำลังกาย และระดับความแข็งแรงของคุณ
โดย Fitbod จะใช้ AI ในการวิเคราะห์การออกกำลังกายและปรับโปรแกรมให้เหมาะสมกับคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมแอปนี้ยังมีวิดีโอสาธิตท่าออกกำลังกายแบบสามมิติ (3D) ช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็ตาม
นอกจากนี้ Fitbod ยังช่วยติดตามความก้าวหน้าในการออกกำลังกายของคุณ ทำให้คุณเห็นพัฒนาการของตัวเองได้อย่างชัดเจน ช่วยเป็นทั้งกำลังใจและแรงจูงใจให้คุณอยากออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องมากขึ้น
6. Flo – แอปสุขภาพสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
สำหรับสาว ๆ แอป Flo เป็นอีกหนึ่งแอปที่น่าสนใจมาก เพราะแอปนี้ไม่ได้เป็นแค่แอปติดตามประจำเดือนธรรมดา ๆ แต่ยังเป็นผู้ช่วยด้านสุขภาพที่ครอบคลุมในทุกด้านของผู้หญิง
โดย Flo จะช่วยติดตามรอบเดือน คาดการณ์วันตกไข่ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะต่าง ๆ ในแต่ละช่วงของรอบเดือน นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์บันทึกอาการต่าง ๆ เช่น อารมณ์ อาการปวดท้อง หรือสิว ทำให้คุณเข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้น
ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ Flo ยังมีบทความให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพผู้หญิงในทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงวัยทอง รวมถึงมีฟอรัม (forum) ให้ผู้ใช้งานได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย
7. WaterMinder – ดื่มน้ำให้พอ ชีวิตจะเฮลท์ตี้
หลายคนอาจลืมไปว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอก็เป็นส่วนสำคัญของการมีสุขภาพดี ซึ่งแอป WaterMinder จะเป็นตัวช่วยเตือนให้คุณดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งวัน
แอปนี้จะคำนวณปริมาณน้ำที่คุณควรดื่มต่อวันตามน้ำหนัก ส่วนสูง และกิจกรรมที่คุณทำ จากนั้นจะแจ้งเตือนให้คุณดื่มน้ำเป็นระยะ ๆ คุณสามารถบันทึกการดื่มน้ำได้ง่าย ๆ ด้วยการแตะที่ไอคอนแก้วน้ำขนาดต่าง ๆ
WaterMinder ยังแสดงกราฟการดื่มน้ำของคุณ ทำให้คุณเห็นว่าช่วงไหนของวันที่คุณมักจะลืมดื่มน้ำ และยังมีวิดเจ็ตที่คุณสามารถเพิ่มไว้ที่หน้าจอหลักของมือถือ เพื่อให้คุณเห็นปริมาณน้ำที่ดื่มไปแล้วได้ตลอดเวลา
8. Fooducate – รู้เท่าทันอาหาร และกินอย่างชาญฉลาด
Fooducate เป็นแอปที่จะช่วยให้คุณเลือกซื้ออาหารได้อย่างฉลาดขึ้น ด้วยการให้เกรดคุณภาพอาหารจาก A ถึง D โดยพิจารณาจากคุณค่าทางโภชนาการ ส่วนผสม และการแปรรูป
วิธีใช้ก็ง่ายมาก ๆ แค่สแกนบาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์อาหาร Fooducate ก็จะแสดงเกรดของอาหารชิ้นนั้น พร้อมทั้งอธิบายว่าทำไมอาหารชิ้นนี้ถึงได้เกรดนี้ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
นอกจากนี้ Fooducate ยังแนะนำทางเลือกที่ดีกว่าในหมวดหมู่อาหารเดียวกัน ทำให้คุณสามารถเลือกซื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้มากขึ้น แอปนี้ยังช่วยให้คุณระวังส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือสารเติมแต่งที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้อีกด้วย
9. Streaks – สร้างนิสัยดี ๆ ด้วยแรงจูงใจ
Streaks เป็นแอปที่ช่วยสร้างนิสัยดี ๆ ด้วยการท้าทายให้คุณทำกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยให้คุณตั้งเป้าหมายได้สูงสุด 12 อย่าง ซึ่งอาจเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่ออกกำลังกาย ดื่มน้ำ อ่านหนังสือ หรือแม้แต่การเข้านอนให้ตรงเวลา
ทุกครั้งที่คุณทำตามเป้าหมายได้ Streaks จะบันทึกไว้เป็น “streak” หรือช่วงเวลาที่คุณทำได้ต่อเนื่อง ยิ่งคุณทำได้นานเท่าไหร่ streak ก็จะยิ่งยาวขึ้นเท่านั้น สร้างแรงจูงใจให้คุณอยากทำต่อไปเรื่อย ๆ
แอปนี้ยังมีความยืดหยุ่น คุณสามารถตั้งค่าให้บางกิจกรรมทำทุกวัน บางกิจกรรมทำแค่บางวันในสัปดาห์ หรือกำหนดจำนวนครั้งที่ต้องทำต่อสัปดาห์ได้ ทำให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด
10. Forest – โฟกัสกับงาน เพื่อสุขภาพจิตที่ดี
สุดท้ายนี้ เรามาพูดถึงแอปที่ช่วยให้คุณโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น นั่นก็คือ Forest แอปนี้ใช้แนวคิดที่น่ารักมาก ๆ คือการปลูกต้นไม้เสมือนจริง
วิธีการคือ เมื่อคุณต้องการโฟกัสกับงาน คุณจะเริ่มปลูกต้นไม้ใน Forest ระหว่างนั้นคุณจะต้องไม่ออกจากแอปไปใช้แอปอื่น ๆ ในมือถือ ถ้าคุณทำได้ ต้นไม้ของคุณก็จะเติบโตขึ้น แต่ถ้าคุณออกจากแอปก่อนเวลา ต้นไม้ของคุณก็จะตายไป
เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะได้สวนป่าเสมือนจริงที่แสดงถึงช่วงเวลาที่คุณสามารถโฟกัสกับงานได้ นอกจากนี้ Forest ยังร่วมมือกับองค์กรปลูกต้นไม้จริง ๆ ด้วย เมื่อคุณสะสมคะแนนได้มากพอ คุณสามารถใช้คะแนนนั้นเพื่อปลูกต้นไม้จริง ๆ ได้
การมีสมาธิจดจ่อกับงานไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้อีกด้วย เพราะเมื่อเราจดจ่อกับสิ่งที่ทำ เราจะไม่มีเวลามานั่งกังวลกับเรื่องอื่น ๆ
จะเห็นได้ว่า มีแอปมากมายที่สามารถช่วยดูแลสุขภาพของเราได้ในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การนอน ไปจนถึงการจัดการความเครียดและการมีสมาธิ การใช้แอปเหล่านี้อย่างชาญฉลาดจะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่าลืมว่า แอปเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือหรือผู้ช่วยของคุณเท่านั้น สุดท้ายแล้ว การจะมีสุขภาพดีขึ้นหรือไม่นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับการลงมือทำจริง ๆ ของเราเอง
ลองเลือกแอปที่คุณคิดว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณมาใช้ดูสัก 2-3 แอป แล้วค่อย ๆ ดูการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ที่สำคัญคือ สุขภาพดี ๆ นั้น ไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขบนแอปเพียงอย่างเดียว อย่าลืมฟังเสียงจากร่างกายของตัวเองด้วย