ในยุคที่โลกหมุนไวกว่าความคิด ความเครียดและความวิตกกังวลก็เหมือนแขกไม่ได้รับเชิญที่มาเยือนชีวิตเราบ่อย ๆ วันนี้เรามี 5 วิธีเด็ด ๆ ที่จะช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดเหล่านั้นได้อย่างมือโปร เตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนชีวิตให้สดใสไร้กังวลกันเลย
1. การฝึกสติและสมาธิ: พลังแห่งจิตใจที่สงบนิ่ง
เคยสงสัยไหมว่าทำไมพระในวัดถึงดูสงบเย็นนัก ? คำตอบก็คือการฝึกสติและสมาธินั่นเอง การฝึกสติไม่ใช่แค่การนั่งหลับตาสวดมนต์เท่านั้น แต่มันคือการฝึกให้เราอยู่กับปัจจุบันขณะ รับรู้ความคิดและความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน
วิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถเริ่มได้เลย คือ การฝึกหายใจอย่างมีสติ ลองนั่งในท่าที่สบาย หลับตาลง แล้วโฟกัสที่ลมหายใจเข้าออก สังเกตความรู้สึกของลมที่ผ่านเข้าออกทางจมูก ท้องที่พองยุบ หากทำแบบนี้สัก 5-10 นาทีทุกวัน รับรองว่าคุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันดี ๆ อย่าง Headspace หรือ Calm ที่จะช่วยแนะนำการฝึกสติและสมาธิให้คุณได้อย่างเป็นระบบ แล้วคุณจะพบว่า จิตใจที่สงบนิ่งนั้นมีพลังมหาศาลในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล
2. การออกกำลังกาย: ยาวิเศษที่ไม่ต้องกิน
ถ้าคุณคิดว่าการออกกำลังกายมีไว้แค่ลดน้ำหนัก คุณคิดผิดถนัด การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล เพราะจะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphins) หรือที่เรียกว่า “ฮอร์โมนแห่งความสุข” นั่นเอง
ไม่ต้องถึงขนาดไปวิ่งมาราธอนหรือยกเวทหนัก ๆ แค่การเดินเร็ววันละ 30 นาที หรือเต้นแอโรบิกสนุก ๆ หรือเดินให้ได้อย่างน้อยวันละ 12,000 ก้าว ก็ช่วยได้แล้ว หรืออาจจะลองหากิจกรรมที่คุณชื่นชอบ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ หรือแม้แต่การเต้นตามจังหวะเพลงโปรดในห้อง ขอให้ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วคุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ
มีงานวิจัยจาก Harvard Health Publishing ระบุว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถลดอาการของโรคซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้เทียบเท่ากับการใช้ยาในบางกรณี และไม่มีผลข้างเคียงอีกต่างหาก
3. การจัดการเวลาและการวางแผน: กุญแจสู่ชีวิตที่สมดุล
บ่อยครั้งที่ความเครียดและความวิตกกังวลเกิดจากความรู้สึกว่าเราควบคุมชีวิตไม่ได้ หรือมีงานล้นมือ นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมการจัดการเวลาและการวางแผนถึงสำคัญนัก
ลองใช้เทคนิค “กินกบตัวใหญ่ก่อน” (Eat That Frog) ของ Brian Tracy ดู โดยเทคนิคนี้แนะนำให้เราทำงานที่ยากหรือสำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกของวันก่อน เหมือนกับการกินกบตัวใหญ่ให้หมดตั้งแต่เช้า แล้วหลังจากนั้นงานอื่น ๆ ก็จะดูง่ายขึ้นเอง
นอกจากนี้ การใช้แอปฯ จัดการงานอย่าง Todoist หรือ Trello ก็สามารถช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของงานทั้งหมดได้ชัดเจนขึ้น ทำให้รู้สึกควบคุมได้มากขึ้น และลดความวิตกกังวลลงได้
ที่สำคัญ เมื่อวางแผนการทำงานแล้ว ก็อย่าลืมวางแผนเวลาพักผ่อนไว้ด้วย เพราะการทำงานหนักตลอดเวลาไม่ใช่วิธีที่ดีในการจัดการความเครียด เราต้องมีเวลาให้ตัวเองได้ชาร์จแบตฯ ด้วยเช่นกัน
4. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี: พลังแห่งการเชื่อมต่อ
มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นจึงเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล แต่ในยุคดิจิทัลที่เราติดต่อกันผ่านหน้าจอเป็นส่วนใหญ่ เราอาจหลงลืมความสำคัญของการเชื่อมต่อแบบตัวต่อตัวไป
ลองหาเวลาพูดคุยกับเพื่อนสนิทหรือครอบครัวแบบเห็นหน้ากันบ้าง ไม่ต้องทำอะไรใหญ่โต แค่ชวนกันไปเดินเล่นในสวน ทานข้าวด้วยกัน หรือแม้แต่โทรคุยกันสักครู่ ก็ช่วยได้มากแล้ว
มีงานวิจัยจาก National Institutes of Health พบว่าการมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ การเข้าร่วมกลุ่มหรือชมรมที่มีความสนใจเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การทำอาหาร หรือการเล่นกีฬา ก็เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ และลดความเครียดไปพร้อมกัน
5. การปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด: พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิดเป็นเครื่องมือทรงพลังในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล บ่อยครั้งที่ความทุกข์ของเราไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ แต่เกิดจากวิธีที่เรามองมัน
ดังนั้น ลองใช้เทคนิค “การตั้งคำถามกับความคิด” (Thought Challenging) คือ เมื่อเกิดความคิดด้านลบ ให้ถามตัวเอง 3 ข้อ ดังนี้
- มีหลักฐานอะไรสนับสนุนความคิดนี้ ?
- มีมุมมองอื่นในการมองสถานการณ์นี้ไหม ?
- ถ้าเพื่อนสนิทเจอสถานการณ์แบบนี้ เราจะแนะนำอย่างไร ?
การฝึกมองหาด้านบวกในทุกสถานการณ์ถือเป็นอีกวิธีที่ช่วยได้มาก แม้ในวันที่แย่ที่สุด ก็ยังมีสิ่งดี ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เราขอบคุณเสมอ ลองจดบันทึกสิ่งดี ๆ 3 อย่างทุกคืนก่อนนอน แล้วคุณจะเห็นว่าชีวิตมีอะไรให้ยิ้มได้มากกว่าที่คิด
นักจิตวิทยา Martin Seligman ผู้บุกเบิกด้านจิตวิทยาเชิงบวก ได้แสดงให้เห็นว่าการฝึกมองโลกในแง่บวกอย่างสม่ำเสมอสามารถเพิ่มความสุขและลดอาการซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความเครียดและความวิตกกังวลอาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่จำเป็นต้องครอบงำชีวิตคุณ ด้วย 5 วิธีที่เราได้แนะนำไป ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสติและสมาธิ การออกกำลังกาย การจัดการเวลาและการวางแผน การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และการปรับเปลี่ยนมุมมองและความคิด คุณสามารถเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิตให้สดใสไร้กังวลได้ตั้งแต่วันนี้
จำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาและความอดทน อย่าคาดหวังผลลัพธ์ในชั่วข้ามคืน แต่ถ้าคุณทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ รับรองว่าคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งในชีวิตแน่นอน
ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้วิธีไหน จงจำไว้ว่าทุกก้าวเล็ก ๆ ล้วนมีความสำคัญ การเปลี่ยนแปลงอาจไม่เกิดขึ้นในทันที แต่เมื่อคุณมองย้อนกลับไป คุณจะประหลาดใจกับระยะทางที่คุณได้เดินทางมา ดังคำกล่าวของเล่าจื๊อ (Lao Tzu) ที่ว่า “การเดินทางพันลี้เริ่มต้นด้วยก้าวแรก”
ก้าวแรกของคุณในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลเริ่มต้นแล้วตั้งแต่คุณอ่านบทความนี้ ต่อจากนี้ไป ขอให้คุณมีความกล้าที่จะก้าวต่อไป สู่ชีวิตที่สมดุล มีความสุข และไร้กังวล
หมายเหตุ: แม้ข้อมูลในบทความนี้จะมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แต่ไม่ควรใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณกำลังประสบปัญหาความเครียดหรือความวิตกกังวลอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพื่อรับการดูแลที่เหมาะสม