ในโลกที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกวงการ การนำ AI มาใช้ในระบบสาธารณสุขและการแพทย์ได้กลายเป็นเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ
ในการประชุม PMAC หรือ Prince Mahidol Award Conference 2025 เวทีแลกเปลี่ยนแนวคิด นโยบายด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับโลก จัดมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปีนี้มีหัวข้อประจำปีภายใต้ธีม “Harnessing Technologies in an Age of AI to Build a Healthier World” ที่มุ่งเน้นการใช้ AI เพื่อสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
PMAC 2025 : เวทีนโยบายสุขภาพระดับโลกเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพที่ทั่วถึงและเท่าเทียม
PMAC 2025 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 28 มกราคม ถึง 2 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นเพียงแค่การประชุมวิชาการ แต่เป็นเวทีระดับโลกที่ผู้นำในวงการแพทย์และสาธารณสุข แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ แนวคิด และนโยบายระดับนานาชาติเพื่อกำหนดและยกระดับทิศทางอนาคตวงการแพทย์และสาธารณสุขอย่างยั่งยืน โดยมี Co-Hosts ระดับนานาชาติกว่า 20 องค์กร เช่น องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO), ธนาคารโลก (The World Bank), มูลนิธิ CMB (CMB Foundation) และมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ (Rockefeller Foundation) สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและความร่วมมือระดับสากลอย่างแท้จริง
การประชุมนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การนำเสนอผลงานวิจัยหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์จริงจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก ซึ่งนำไปสู่การพัฒนานโยบายและนวัตกรรมที่เป็นรูปธรรม ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดแนวทางนโยบายสาธารณสุขในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย
AI ด้านสุขภาพ ยกระดับประสิทธิภาพและลดความเหลื่อมล้ำในการรักษา
ในปีนี้ PMAC 2025 มุ่งเน้นไปที่บทบาทของ AI ในการพัฒนาระบบสาธารณสุข โดยมีหัวใจหลักคือการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ โดย AI ไม่เพียงแค่ช่วยในการวินิจฉัยและรักษาโรคเท่านั้น
แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง Health Equity หรือความเป็นธรรมด้านสุขภาพ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียม การใช้ AI ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ลดระยะเวลารอคอย และทำให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

บทสัมภาษณ์ : ศาสตราจารย์นายแพทย์ ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
“PMAC ไม่ใช่แค่เวทีประชุม แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนโยบายสุขภาพระดับโลก” ศ.นพ. ปิยะมิตร กล่าว “ปีนี้เราเลือก AI เพราะเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข เราเห็นได้ว่า AI สามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้จริง เพราะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและคำปรึกษาทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือมีฐานะแบบใด”
โดย ศ.นพ. ปิยะมิตร ได้กล่าวเพิ่มเติมเรื่อง AI HealthTech ที่มีบทบาทเพิ่มขึ้นในวงการแพทย์ ทั้งในด้านการให้บริการแก่ประชาชน และการสนับสนุนการปฏิบัติงานของแพทย์ ว่า “สมัยก่อนการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คนบางกลุ่มอาจมีโอกาสเข้าถึงได้ยาก แต่การเข้ามาของ AI ที่การเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ มีการตอบโต้เสมือนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มารวมกัน จะทำให้ความเหลื่อมล้ำลดลง คำปรึกษาทางการแพทย์จะเข้าถึงทุกคนได้มากขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องมีช่องทางและต้องทำให้ AI เป็นสิ่งที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ โดยจะทำให้เกิด Health Equity หรือการลดความเหลื่อมล้ำ”
“ตั้งแต่ AI เข้ามา ทำให้ประชาชนสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพผ่าน AI ได้ และ AI สามารถตอบได้อย่างครอบคลุม และในมุมของแพทย์ แพทย์สามารถนำ AI มาเป็นผู้ช่วย เช่น การปรึกษาเรื่องโรคที่รักษายาก โรคที่ยังหาการวินิจฉัยไม่ได้ โดยการนำข้อมูลประวัติการตรวจร่างกายและผลตรวจต่าง ๆ ให้ AI ช่วยคิดวิเคราะห์และวินิจฉัยโรคที่เป็นไปได้ว่ามีโรคใดบ้าง และเมื่อโรคระบาดใหม่เข้ามา แพทย์ยังสามารถนำ AI เข้ามาช่วยคิดค้นวัคซีน พัฒนายาที่จะใช้ในการรักษา และ AI ยังสามารถเข้ามาช่วยในเชิงการระบาดวิทยา การควบคุมโรคที่เหมาะสม โดย AI ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแพทย์ให้ดียิ่งขึ้น”
ศ.นพ. ปิยะมิตร ยังเน้นถึงความสำคัญของการใช้นโยบายที่ถูกต้องในการนำ AI มาใช้ในระบบสาธารณสุข เพื่อป้องกันปัญหาด้านจริยธรรมและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากใน PMAC 2025 การใช้ AI ต้องมาพร้อมกับความโปร่งใสและความเป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนในระบบสุขภาพ
“สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องของจริยธรรมในการใช้ AI โดยการใช้ AI นั้น ผู้ใช้ควรตระหนักถึงวิธีการและรูปแบบการใช้ AI ที่เหมาะสม รวมถึงการระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น พร้อมทั้งต้องศึกษา ทำความเข้าใจข้อเสียของ AI และความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการใช้เครื่องมือใหม่ ๆ เหล่านี้”

ประสบการณ์ที่มากกว่าการประชุมในงาน PMAC 2025
PMAC 2025 ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมที่เสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ ทั้งการสัมผัสประสบการณ์ผ่าน VR เพื่อเข้าใจสถานการณ์โรคโปลิโอในประเทศแซมเบีย บูธนวัตกรรมล้ำสมัยทางการแพทย์มากมาย และกิจกรรมดูแลสุขภาพ เช่น การนวดแผนไทยโดยผู้พิการทางสายตา การทำบาล์มสมุนไพร เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้ผ่อนคลาย พร้อมกับอัปเดตเทคโนโลยีทางการแพทย์ไปพร้อมกัน




AI กับนโยบายสุขภาพถ้วนหน้า ก้าวสู่อนาคตที่เท่าเทียม
AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย แต่เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพถ้วนหน้าอย่างเท่าเทียม และ PMAC 2025 เป็นเวทีการประชุมระดับนานาชาติที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาด้านสาธารณสุขทั่วโลก โดยนำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ พร้อมสร้างโลกที่ผู้คนมีสุขภาวะที่ดีขึ้น
AI ยังช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและทำนายแนวโน้มสุขภาพในอนาคต ซึ่งช่วยให้ภาครัฐและผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถวางแผนและปรับปรุงระบบสุขภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ คือความสำคัญและความพิเศษของ PMAC 2025 ที่ไม่เพียงแต่เน้นเรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังมุ่งเน้นที่จะสร้างความเท่าเทียมและคุณภาพชีวิตของทุกคนบนโลก PMAC 2025 จึงเป็นมากกว่างานประชุม แต่เป็นเวทีที่จุดประกายความหวังและสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างโลกที่ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน เพราะสุขภาพที่ดีคือรากฐานของสังคมที่แข็งแกร่ง มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงให้ความสำคัญกับการแพทย์และสาธารณสุขที่สร้างประโยชน์ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับมวลมนุษยชาติ สืบสานพระราชปณิธานแห่งสมเด็จเจ้าฟ้าฯ ให้คงอยู่และสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนต่อไป