กรุงเทพฯ 13 มีนาคม 2568 – บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ประกาศแผนรุกธุรกิจปี 2568 ด้วยเป้าหมายยอดขายเติบโต 5–7% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 8,700 ล้านบาท มั่นใจสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่อเนื่อง ด้วยการจ่ายเงินปันผลรวมสำหรับปี 2567 ที่ 1.05 บาทต่อหุ้น สะท้อนอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) สูงราว 6% โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าก้าวสู่รายได้ 15,000 ล้านบาทในปี 2575 ด้วยกลยุทธ์รักษาการเป็นผู้นำตลาดน้ำอัดลมในภาคใต้ เร่งขยายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่อัดลม และเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ๆ ร่วมกับโคคา-โคล่า พร้อมยกระดับธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
พลตรี พัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในปี 2567 บริษัทฯ รักษาอัตราการเติบโตของยอดขายได้ 4% และมีกำไรสุทธิ 602 ล้านบาท (ประมาณ 601.7 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 4 ล้านบาท หรือราว 6% จากปี 2566 ส่งผลให้คณะกรรมการมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้าย 0.57 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปี 1.05 บาทต่อหุ้น ตอกย้ำด้วยอัตราเงินปันผลราว 6% ขณะที่ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (NARTD) ในพื้นที่ภาคใต้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยหาดทิพย์สามารถครองส่วนแบ่งตลาดรวมในภาคใต้ (NARTD) ที่ 24.7% พร้อมตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดน้ำอัดลมแบบสปาร์คกลิ้ง (Sparkling) ด้วยส่วนแบ่งสูงถึง 78.3%
จากข้อมูลล่าสุด บริษัทฯ มียอดขายรวม 72.4 ล้านยูนิตเคส (MUC) เติบโต 3.5% โดยในจำนวนนี้ 68.8 ล้านยูนิตเคสเป็นยอดขายภายในประเทศ และ 3.7 ล้านยูนิตจากเครือพันธมิตร อย่างไทยน้ำทิพย์ ขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มน้ำตาล 0% (Zero Sugar) คิดเป็นสัดส่วน 5.1% ของยอดขาย ความน่าสนใจของเครื่องดื่มน้ำตาล 0% คือการเติบโตแรงถึง 22.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัว “โค้ก ซีโร่ กลิ่นวานิลลา” ในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งกระแสตอบรับดีเกินคาด

หาดทิพย์เตรียมดันเครื่องดื่มน้ำตาล 0% กับเทรนด์สุขภาพที่เติบอย่างรวดเร็ว
เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใส่การดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเครื่องดื่มน้ำตาล 0% นับว่าเป็นทางเลือกสุขภาพที่จะช่วยให้ผู้บริโภคดื่มด่ำความสดชื่น โดยไม่ต้องได้รับพลังงานเพิ่ม ซึ่งเครื่องดื่มน้ำตาล 0% ของบริษัทหาดทิพย์ในปี 2567 มีการเติบโต 22.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งจากยอดขายเครื่องดื่มประเภทนี้นับได้เป็นเพียง 5% จากทั้งหมด โดยบริษัทฯ มีแผนที่ขยายผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อคนดูแลสุขภาพ อย่างเครื่องดื่มน้ำตาล 0% มากยิ่งขึ้น

ย้ำกลยุทธ์ขวดแก้ว-เจาะตลาด Ho(tel)Re(stuarant)Ca(fe)
หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่หาดทิพย์วางไว้คือการเร่งขยายตลาดขวดแก้ว (RGB) และบรรจุภัณฑ์แบบคืนขวด ซึ่งมีจุดแข็งด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและดีไซน์ใหม่ที่พรีเมียมขึ้นด้วยเครื่องจักรแบบใหม่ พร้อมฉลากกระดาษ โดยเฉพาะในช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่ (HoReCa) ที่กำลังเติบโตสูง สอดคล้องกับกระแสลดการใช้พลาสติกที่มาแรงในกลุ่มผู้ประกอบการ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าขยายการจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วให้ครอบคลุมมากขึ้นอีก 50% และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเครื่องดื่มขวดแก้วถึง 35% ตามแผนขยายตลาดในปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดตัวโปรดักต์ใหม่ในกลุ่มในปีนี้ด้วย

โค้กยืนหนึ่งของสัดส่วนการขาย
สำหรับสัดส่วนแบรนด์หลักของหาดทิพย์ ยังคงเป็น “โค้ก” 70% รองลงมาคือ “แฟนต้า” 18% “สไปรท์” 5% “น้ำดื่มน้ำทิพย์” 4% “ชเวปส์” 2% และ “มินิทเมด” ราว 0.3% ส่วนบรรจุภัณฑ์ที่สร้างรายได้หลักยังเป็นขวด PET ถึง 78% ตามด้วยกระป๋อง 17% และขวดแก้วแบบคืนขวด (RGB) อีกประมาณ 3% ซึ่งบริษัทฯ วางแผนเพิ่มจำนวนตู้แช่ (Coolers) ในตลาดเป็น 17,000 ตู้ เพื่อรองรับการเติบโตของทั้งตลาดค้าปลีก (CVS) และร้านอาหาร-เครื่องดื่ม (HoReCa) ซึ่งมีอัตราขยายตัว 15% และ 19% ตามลำดับ
เป้าหมายรายได้ระยะกลาง-ยาวสู่รายได้ 15,000 ล้านบาท
ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ 5–7% และปริมาณขาย (Volume) 2–4% รวมถึงรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมแผนขยายฐานร้านค้าที่เปิดขายเครื่องดื่มเพิ่มอีก 10% โดยเล็งต่อยอดธุรกิจกลุ่ม Zero Sugar ให้เติบโตขึ้นอีก 27% ตามแนวโน้มสุขภาพที่ยังมาแรง
ทั้งนี้ ในภาพรวมระยะยาว บริษัทฯ ต้องการขยับส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่ม NARTD ในภาคใต้จาก 25% เป็น 30% ภายในปี 2570 และ 35% ภายในปี 2575 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายรายได้ 15,000 ล้านบาท



เดินหน้าสู่ความยั่งยืน
หาดทิพย์ยังมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 25% ของการใช้พลังงานรวมในปีนี้ ก่อนจะยกระดับสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 รวมถึงเร่งดำเนินโครงการร่วมกับพันธมิตรและโคคา-โคล่า เพื่อเก็บรวบรวมบรรจุภัณฑ์และนำกลับมารีไซเคิล (Collection for Recycling) ลดการพึ่งพาพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และสร้างระบบหมุนเวียนที่ยั่งยืนในระยะยาว
“ระยะ 10 ปีที่เราตั้งเป้าตามแผนงาน มีปัจจัยระหว่างทางที่ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งเราก็สามารถข้ามผ่านสิ่งท้าทายต่างๆ เหล่านั้นมาได้ทุกครั้ง ผมเชื่อมั่นว่ากว่า 55 ปีที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า หาดทิพย์จะยืนหยัดทำธุรกิจเคียงคู่กับสังคมภาคใต้และสังคมไทยด้วยการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทฯ ยึดมั่นเสมอมา” พลตรี พัชร กล่าวทิ้งท้าย