ฟีเจอร์เร่งความเร็วคลิป หรือ Fast Forward ได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะตั้งแต่ 1.25X ไปจนถึง 2X จนเสียงแทบกลายเป็นชิปมังก์ หลายคนน่าจะเคยได้ใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อช่วยให้เสพคอนเทนต์ได้เร็วขึ้นในทุกรูปแบบ ทั้งสื่อสารเรียนการสอน พอดแคสต์ หรือแม้แต่ซีรีส์และภาพยนตร์บนสตรีมมิง

นอกจากการได้เสพเนื้อหามากขึ้นในเวลาที่สั้นลงแล้ว บางคนยังใช้วิธีนี้เพื่อลดความเนือยของคอนเทนต์ที่ดูเพื่อลดความน่าเบื่อ แต่การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association) ชิ้นหนึ่งกลับพบผลตรงกันข้าม

การเร่งความเร็วคลิปอาจทำให้คนเบื่อมากขึ้น สนุกน้อยลง

ในการศึกษานี้ นักวิจัยทดลองหลากหลายรูปแบบเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของพฤติกรรมการดูคลิป และเฝ้าสังเกตการณ์ โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,200 คน

การทดลองมีตั้งแต่ให้ผู้เข้าดูคลิปและสังเกตพฤติกรรม และพบว่าพวกเขาจะมีแนวโน้มที่จะสลับดูคลิปใหม่ทันทีที่เริ่มรู้สึกเบื่อ โดยคาดหวังว่าการสลับเนื้อหาไปดูคลิปใหม่จะช่วยลดความรู้สึกเบื่อได้ แต่พวกเขากลับรู้สึกเบื่อมากกว่าเดิม

การทดลองอีกชิ้นในงานวิจัยเดียวกัน รอบแรกให้ผู้เข้าร่วมดูคลิปความยาว 10 นาที 1 คลิปโดยที่ไม่มีปุ่ม Fast Forward รอบที่สองสามารถสลับดูคลิปความยาว 5 นาที จำนวน 7 คลิป ภายในเวลา 10 นาที อีกการทดลองเปรียบเทียบการดูคลิป 10 นาทีแบบต่อเนื่อง กับการดูคลิป 50 นาทีที่สามารถ Fast Forward และ Rewind ได้ในเวลา 10 นาที

ผลล้วนออกมาว่า การดูคลิปเดียวแบบต่อเนื่องจนจบรู้สึกเบื่อน้อยกว่า และรู้สึกพึงพอใจมากกว่าการสลับคลิป หรือกดเร่งความเร็วคลิป

ทีมนักวิจัยสรุปว่า การเปลี่ยนคลิปเมื่อรู้สึกเบื่อ รวมถึงการกดเร่งความเร็วคลิป ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมรู้สึกเบื่อมากขึ้น และสนุกน้อยลง โดยให้เหตุผลว่าด้วยเวลาที่เร็วเกินไป ทำให้ผู้เข้าร่วมไม่มีเวลาเพียงพอที่จะเข้าใจความหมายหรือดื่มด่ำคุณค่าของคอนเทนต์นั้นอย่างแท้จริง

แต่คนจำนวนไม่น้อยก็แฮปปี้กับฟีเจอร์ Fast Forward

แม้ว่างานวิจัยที่ได้เล่าไปจะพูดถึงผลกระทบของการเร่งความเร็ววิดีโอ และการเปลี่ยนคลิปไปเรื่อย ๆ เมื่อรู้สึกเบื่อ ซึ่งเว็บไซต์ Mashable ได้สัมภาษณ์คนหลายคนเกี่ยวกับการใช้ฟีเจอร์เร่งความเร็วคลิป และพบว่าหลายคนแฮปปี้กับฟีเจอร์นี้

โจเอล เจเลน อายุ 55 ปี ชอบดูการแข่งกีฬาในความเร็ว 2X โดยที่เขาบอกว่าชีวิตของเขาสั้นเกินกว่าที่จะดูการแข่งกีฬาทั้งเกม โดยเฉพาะฟุตบอล และฟีเจอร์นี้ช่วยให้เขาผ่อนคลายในระหว่างพักผ่อนได้ ที่น่าสนใจ คือ โจเอล ดูแมตช์กีฬาย้อนหลังด้วยความเร็ว 2X มาแล้วกว่า 15 ปี

ริคาโด ฟูเซต์ติ พนักงานตัดต่อ อายุ 32 ปี บอกว่าเขาดูวิดีโอความเร็ว 1.5X สำหรับคลิปที่ไม่ได้มีเนื้อหาซับซ้อน เพื่อประหยัดเวลา แต่ก็ยอมรับว่าบางครั้ง เขาก็พลาดเนื้อหาบางอย่างไป

อีกหนึ่งการสัมภาษณ์ที่น่าสนใจ คือ ซูวา เซเวน นักศึกษาที่เป็นนักเขียน อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นโรคสมาธิสั้น เธอบอกว่าเธอดูวิดีโอในความเร็ว 1.5-2X ในช่วงที่เบื่อขณะทำงานหรือออกกำลังกาย และฟีเจอร์นี้ยังช่วยเธอได้มาก เพราะคลิปที่เร็วขึ้นเป็นการปรับจังหวะให้เข้ากับสมองของเธอในช่วงที่มีอาการสมาธิสั้น

อีกงานวิจัยหนึ่ง โดยนักศึกษาปริญญาเอกด้านจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้ทดลองศึกษาผลของการรับชมวิดีโอในความเร็วต่าง ๆ กับนักศึกษาผ่านการสอบ

นักศึกษาที่วิดีโอการสอนที่เล่นด้วยความเร็วสูง เช่น 2X หรือ 2.5X มีความเข้าใจและการจดจำข้อมูลได้เทียบเท่ากับนักศึกษาที่ดูด้วยความเร็วปกติ

ในยุคที่การใช้ชีวิตของมนุษย์ถูกเร่งแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของสมองหลายคน งานวิจัยที่ผ่านมาหลายชิ้นพบว่าการเสพข่าวบนโซเชียลมีเดีย และทุกสิ่งทุกอย่างที่สะดวกมากขึ้นทำให้คนบางส่วนต้องเจอกับปัญหาสุขภาพจิต

แม้ว่างานวิจัยที่เรานำมาเล่าอาจจะมีความสับสน แต่นั่นก็หมายถึงว่ามีความเป็นไปได้ที่คนบางส่วนสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเสพคอนเทนต์ที่รวดเร็วมากขึ้น โดยไม่ได้รับผลกระทบ หรืออาจได้ประโยชน์ด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกันคนบางกลุ่มอาจได้ผลกระทบจากฟีเจอร์นี้

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าคนที่ไม่ได้รับผลกระทบในวันนี้ จะไม่มีความเสี่ยงที่เกิดปัญหาในอนาคต สุดท้าย คงวนกลับมาที่ความตระหนักรู้และความพอดีในการเสพสื่อเพื่อประโยชน์สูงสุด และลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในอนาคต แล้วอย่าลืมวางมือถือ ออกไปเจอแสงแดด และใช้ชีวิตกับผู้คนบ้าง