อ้างอิงจากการศึกษาที่ได้รับการประเมินเพื่อกลั่นกรองวิชาการ (peer-reviewed study) จากสหราชอาณาจักรพบว่าโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนั้นมีโอกาสน้อยทำให้เกิดอาการลองโควิด
นักวิจัยจาก King’s College London (KCL) ได้ใช้ข้อมูลจากแอป ZOE COVID Symptom และพบว่าโอกาสที่ผู้ป่วยโควิด-19 จากสายพันธุ์โอไมครอนจะเกิดอาการลองโควิดนั้นต่ำกว่าสายพันธุ์เดลตา 20% ถึง 50% ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ติดเชื้อและระยะเวลาหลังได้รับวัคซีนเข็มล่าสุด
ลองโควิด (Long Covid) หรือ Post Covid-19 Syndrome คือภาวะของผู้ที่หายจากโควิด-19 แต่ยังต้องเผชิญกับอาการที่หลงเหลืออยู่ เช่น อาการเหนื่อยล้า และสมองตื้อ ซึ่งอาจมีอาการยาวนานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
การศึกษาจาก KCL เป็นงานวิจัยทางวิชาการชิ้นแรกที่แสดงให้เห็นว่า โอไมครอนมีความเสี่ยงต่ำกว่าที่จะทำให้เกิดอาการลองโควิด แต่นี่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ป่วยจากอาการลองโควิดจะมีจำนวนลดลง
ในขณะที่ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการลองโควิดนั้นลดลงในผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอไมครอน แต่ผู้ติดเชื้อกลับมีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มสูงกว่าเดิม
สถิติในเดือนพฤษภาคมระบุว่าประชากรจำนวน 438,000 คนในสหราชอาณาจักรมีอาการลองโควิดหลังติดเชื้อโควิด-19 จากสายพันธุ์โอไมครอน คิดเป็น 24% ของผู้ติดเชื้อโควิดทั้งหมดที่มีอาการลองโควิด
เมื่อเปรียบเทียบสายพันธุ์โอไมครอนกับเดลตาแล้วพบว่า ระหว่างการศึกษาในเดือนธันวาคม 2021 ถึงมีนาคม 2022 มีผู้ป่วย 4.5% จาก 56,003 คนที่ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอไมครอนมีอาการลองโควิด ในขณะที่การระบาดของสายพันธุ์เดลตาในเดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2021 มีผู้ป่วย 10.8% จาก 41,361 คนที่มีอาการลองโควิด
อย่างไรก็ตามการศึกษาดังกล่าวยังไม่สามารถตอบคำถามว่า ทำไมโอไมครอนถึงทำให้เกิดอาการลองโควิดน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา และต้องมีการศึกษาต่อไปเพื่อหาคำตอบ
ที่มา: Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส