เว็บไซต์ Nature ได้รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดสรรงบประมาณมหาศาลถึง 2,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 75,000 ล้านบาท ในการวิจัยวัคซีน เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศจะสามารถรับมือกับโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
ในช่วงปีที่ผ่านมาที่ทั่วโลกประสบสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวร้ส Covid-19 ญี่ปุ่นได้ประสบปัญหาการพัฒนาและอนุมัติวัคซีนที่ค่อนข้างล่าช้า และเพื่อมิให้ต้องประสบปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นในอนาคต ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้จัดตั้งศูนย์ยุทธศาสตร์ของการวิจัยและพัฒนาวัคซีนทางชีวการแพทย์ขั้นสูงเพื่อการเตรียมพร้อมและรองรับสถานการณ์ หรือ SCARDA (Strategic Center of Biomedical Advanced Vaccine Research and Development for Preparedness and Response) ขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมา
ศูนย์วิจัยกลางของ SCARDA นั้น จะตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว โดยจะได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาหลัก 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยโอซาก้า มหาวิทยาลัยนางาซากิ มหาวิทยาลัยฮอกไกโด และมหาวิทยาลัยชิบะ โดยงบที่ได้รับการจัดสรรขึ้น 2,000 ล้านเหรียญนี้ จะนำไปใช้ในการดำเนินงานของศูนย์เป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
- ใช้ในโปรเจกต์วิจัยและพัฒนาวัคซีนของศูนย์ จำนวน 1,200 ล้านเหรียญ
- ใช้ในการสนับสนุนสตาร์ตอัปในการพัฒนายา จำนวน 400 ล้านเหรียญ
- ใช้ในการจัดตั้งเครือข่ายศูนย์วิจัยทั่วประเทศ และทดสอบวัคซีน จำนวน 400 ล้านเหรียญ
ในเบื้องต้น ศูยน์ SCARDA จะเน้นในการพัฒนาวัคซีนสำหรับโรค 8 ตัว รวมถึง Covid-19, ฝีดาษลิง, SARS, ไข้เลือดออก และไวรัส Zika ด้วย โดยนักวิจัยจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการพัฒนาวัคซีน เช่น mRNA และ Viral Vectors เป็นต้น
ศูนย์ SCARDA มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาวัคซีนสำหรับใช้ในอนาคต โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้สามารถทดสอบและวิจัยวัคซีน และใช้ในการรักษาโรคได้ภาย 100 วัน นับจากวันที่เชื้อโรคนั้น ๆ ได้ถูกระบุว่าเป็นโรคระบาด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส