พอถึงฤกษ์ดีปีใหม่ นอกจากการเฉลิมฉลองจนหนำใจเพื่อขอบคุณปีที่ผ่านมาแล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะตั้งเป้าหมายว่าในปีใหม่นี้จะพัฒนาตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่ดีขึ้น การลดน้ำหนักน่าจะเป็นเป้าหมายลำดับต้น ๆ รองลงมาอาจจะเป็นเรื่องที่อยากปรับปรุงให้ เช่น ใจเย็นให้มากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น เครียดให้น้อยลง หรือใช้เงินให้ประหยัดกว่าเดิม
จากประสบการณ์ของตัวผู้เขียนและคนรอบข้างโดยส่วนมากมักทำปณิธานช่วงปีใหม่หรือ New Year’s Resolutions ไม่สำเร็จ แม้ในช่วงเริ่มต้นคนส่วนใหญ่ต่างมีปณิธานอันแน่วแน่และแพสชันที่ลุกโชนในการพัฒนาตัวเอง แต่ทำไมไฟนั้นถึงดับมอดไปตั้งแต่ยังไม่พ้นไตรมาสแรกของปี
5 เหตุผลว่า ทำไมปีใหม่ ถึงเป็นคนใหม่ไม่ได้สักที
งานวิจัยจาก University of Scranton ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่ทำตามปณิธานปีใหม่ได้สำเร็จมีต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์และคนที่เหลือส่วนมากล้มเลิกเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงตัวเองช่วงปีใหม่ตั้งแต่กลางเดือนมกราคมด้วยซ้ำ
โดยมีข้อมูลด้านจิตวิทยาจากหลายแหล่งที่ให้เหตุผลว่า “ทำไมปีใหม่ ถึงเป็นคนใหม่ไม่ได้สักที” ไว้หลายข้อ ซึ่งเรารวบรวมมาให้ 5 เหตุผลด้วยกัน
เหตุผลที่ 1: เพราะเริ่มต้นตอนที่ไม่พร้อม
พอบอกว่าเป็น New Year’s resolutions เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเริ่มมันตั้งแต่วันแรกหรือสัปดาห์แรกของปี ทั้งที่จริง ๆ แล้วคุณอาจยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งการเตรียมใจและการวางแผน แม้จะเป็นเรื่องดีที่คุณตั้งใจและลงมือทำ แต่การลงมือทำทั้งที่ไม่พร้อมอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงพอใจ ซึ่งทำให้คุณท้อและล้มเลิกเป้าหมายหลังจากเริ่มไปได้ไม่นาน
อย่างที่บอกไปว่าความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าคุณยังไม่พร้อม ลองกลับมาทำความเข้าใจเป้าหมายของตัวเองและวางแผนที่จะไปสู่เป้าหมายให้ดีก่อน พร้อมขยับไทม์ไลน์ของการเริ่มเป็นคนใหม่ไปอีกสักหน่อยในเวลาที่คุณพร้อม คงจะดีกว่าการเริ่มต้นอย่างไม่พร้อมและล้มเลิกภายในเวลาไม่นาน แม้คุณจะเริ่มต้นในเดือนที่ 2 เดือนที่ 3 แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาน่าพอใจอย่างไรก็น่าจะดีกว่า
เหตุผลที่ 2: เพราะตั้งเป้าหมายกว้างหรือไกลเกินไป
เหตุผลนี้เป็นเหตุผลที่ง่าย แต่สำคัญ เพราะคนส่วนใหญ่มักตั้งเป้าหมายแค่ในภาพรวม เช่น ฉันจะลดน้ำหนัก ฉันจะประหยัดเงิน หรือฉันจะดื่มให้น้อยลง ซึ่งกว้างเกินไปและอาจทำให้คุณหลงทาง เพราะไม่มีอะไรชี้วัดได้ชัดเจน หรือบางคนตั้งเป้าหมายไว้ใหญ่เกินไปจึงรู้สึกกดดันและล้มเลิกในท้ายที่สุด
แต่ถ้าคุณลองใส่รายละเอียดให้กับเป้าหมาย จะช่วยให้คุณมอนิเตอร์ตัวเองได้ง่ายขึ้น เช่น ลดน้ำหนักให้ได้ 2 กิโลกรัมในเดือนนี้ วันนี้จะออกกำลังกายให้ได้ 10 นาที เดือนนี้จะใช้เงินไม่เกิน x,xxx บาท หรือจะอ่านหนังสือให้ได้ 20 นาทีทุกวัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ควรตั้งเป้าหมายที่อยู่บนความเป็นไปได้ แล้วค่อย ๆ ขยับจากเป้าหมายเล็กสู่เป้าหมายใหญ่ จะช่วยให้คุณเห็นพัฒนาการได้อย่างชัดเจน ซึ่งสร้างกำลังใจและความภูมิใจให้กับตัวคุณเองได้ไม่น้อย และช่วยให้เป้าหมายของคุณมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น
เหตุผลที่ 3: เพราะคุณเปลี่ยนแปลงเพื่อคนอื่นแทนที่จะเป็นตัวคุณเอง
หากจะยกตัวอย่างของเหตุผลข้อนี้ให้เห็นได้ชัดน่าจะเป็นเรื่องการลดน้ำหนัก การมีรูปร่างดีและน้ำหนักสมส่วนเป็นมาตรฐานความงามตามค่านิยมของสังคม พูดมาแบบนี้คงพอเข้าใจแล้วความสำเร็จในการลดน้ำหนักอาจไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวคนลดเพียงอย่างเดียว แต่กลับอยู่ที่คนอื่นด้วย
ปณิธานในช่วงปีใหม่ของหลายคนคือการลดน้ำหนัก แต่สิ่งแรกก่อนที่คุณจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง คุณควรเข้าใจก่อนว่ามันเป็นความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงของตัวคุณเองจริง ๆ เป็นการกดดันจากคนรอบข้างหรือสังคมที่หวังให้คุณเป็นในแบบที่เขาต้องการ แม้จะด้วยความหวังดีก็ตาม เพราะหากสิ่งนั้นไม่ได้เป็นเป้าหมายของคุณ ก็ยากที่จะสำเร็จ
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องสำรวจความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง เพื่อสามารถทำตามสิ่งที่ต้องการได้อย่างมีความหมายในแบบที่คุณพึงพอใจ ซึ่งหมายถึงกำลังใจและมุ่งมั่นในการทำให้สำเร็จด้วย
เหตุผลที่ 4: เพราะคุณมองการเปลี่ยนแปลงในแง่ลบ
การเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายคน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีบทความนี้ ทัศนคติในการมองสิ่งต่าง ๆ จึงสำคัญมาก แม้จะเป็นการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่คนจำนวนไม่น้อยมักเริ่มต้นจากการมองว่ากว่าจะไปถึงจุดนั้นตัวเองต้องเหนื่อยหรือฝืนตัวเองมากแน่ ๆ
ในทางกลับกัน หากคุณลองปรับมุมมองว่ามันเป็นเรื่องท้าทายที่คุณจะต้องผ่านไปให้ได้เหมือนการเล่นเกม หรือแทนที่คุณจะบอกตัวเองว่าวันนี้เหนื่อยมาก ลองเปลี่ยนมาพูดว่า “วันนี้ เก่งมากที่ผ่านไปได้” อาจช่วยให้คุณมีกำลังในการพัฒนาตัวเองมากขึ้น หรือเปลี่ยนจากการคิดว่าตัวเองห้ามทำนู่นทำนี่ มาเป็นการลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเพื่อทดแทนสิ่งเดิม
เหตุผลที่ 5: เพราะคุณใจร้ายกับตัวเองไปหน่อย
การที่จู่ ๆ คุณเลิกทำพฤติกรรมที่อาจเรียกว่าเป็นนิสัยที่ทำมาตลอดหลายปีภายในข้ามคืน คงสร้างแผลในใจและความกดดันให้กับตัวเอง โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้คุณทำมันน้อยลงหรือเพิ่มพฤติกรรมใหม่ ๆ เข้าไปในชีวิตประจำวันของคุณแทนจะดีกว่า
เช่น หากคุณอยากลดน้ำหนัก แต่ชอบกินชาไข่มุกแบบหวาน 125 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะหักดิบเลิกกินไปเลย ซึ่งอาจทำให้คุณทนไม่ไหวและล้มเลิกในสัปดาห์ถัดมา คุณลองเริ่มจากลดความหวานลงและเพิ่มการออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทุกวันหรือเพิ่มอาหารเฮลตี้ในแต่ละมื้อของคุณและปรับให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แทน โดยไม่ต้องใจร้ายตัวเองมากนัก แค่มีวินัยมากขึ้น ซึ่งช่วยให้คุณไม่รู้สึกกดดัน สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ และยังสามารถทำตามเป้าหมายได้อยู่
และนี่ คือ 5 เหตุผลว่าทำไมปีใหม่ ถึงเป็นคนใหม่ไม่ได้สักที การพัฒนาตัวเองที่ดีอาจไม่ได้จบแค่ในปีที่ตั้งเป้าไว้ คุณควรทำสิ่งนั้นไปเรื่อยให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แล้วสิ่งนั้นจะกลายเป็นนิสัยและชีวิตประจำวันของคุณในที่สุด ซึ่งอุปสรรคในการทำตามเป้าหมายของแต่ละคนก็อาจแตกต่างกันไป
ไม่ว่าเป้าหมายในปีใหม่ของคุณจะเป็นอะไร อย่าลืมให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตและความสมดุลชีวิตด้านอื่น ๆ ของคุณด้วย เพราะในหลายปีมานี้มีการชี้ให้เห็นว่าทำตามปณิธานในช่วงปีใหม่ที่ไม่สำเร็จสามารถสร้างบาดแผลและความทรงจำที่ไม่ดีให้กับหลายคนและส่งผลต่อจิตใจได้มากกว่าที่คิด
เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยากพัฒนาตัวเอง ส่วนใครเคยล้มเหลว ลองมาเริ่มใหม่กันด้วยการจัดการกับเหตุผลที่เราได้เล่าให้ฟัง หากปีหน้าทำสำเร็จ อย่าลืมมาแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ ให้เราได้ฟังกัน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส