แม้หน้าหนาวเมืองไทยจะอยู่ไม่นานและไม่ได้หนาวอย่างที่เราหวังไว้ทุกปี แต่ปัญหาผิวแห้งก็เกิดขึ้นได้ เพราะความชื้นในอากาศลดลง พอความชื้นในอากาศต่ำกว่าผิวเรา น้ำในผิวจะถูกดึงออกไปจากผิวชั้นนอก

การเผชิญลมหนาวในช่วงปลายปีหรือการอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ อาจพรากความชุ่มชื้นในผิวหนังออกไปจนเกิดปัญหาผิวแห้งแตก เป็นขุย เกิดอาการคันและระคายเคืองง่ายจนส่งผลต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตได้

การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอเลยเป็นเรื่องที่ทุกคนควรใส่ใจและทำเป็นประจำไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหนก็ตาม และหากคุณผิวแห้งเป็นทุนเดิมก็ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ บทความนี้เลยเอา 4 วิธีดูแลผิวให้ชุ่มชื้นเพื่อป้องกันผิวแห้งที่ใช้ได้ทั้งในช่วงหน้าหนาวและตลอดปีมาฝากกัน

4 วิธีดูแลผิวให้ชุ่มชื้น

การเติมความชุ่มชื้นไม่ให้ผิวแห้ง ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เพียงแค่ปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและเลือกสกินแคร์ให้เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว

1. อาบน้ำอุ่นได้ แต่อย่านานเกิน

การอาบน้ำอุ่นเป็นทางรอดในหน้าหนาวที่หลายคนเลือกใช้เมื่อเผชิญกับน้ำและอากาศที่เย็นขึ้น อีกทั้งยังทำให้รู้สึกสบายตัว แต่การอาบน้ำอุ่นเพลินเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งได้ รวมถึงคนที่ชอบการอาบน้ำที่ร้อนจัด เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงจะชะล้างไขมันบนชั้นผิวออกมากเกินไป รวมถึงไขมันบนชั้นผิวที่ช่วยเคลือบผิวเพื่อป้องกันน้ำในชั้นผิวระเหยด้วย

โดยเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแนะนำคือ 5–10 นาทีสำหรับการอาบน้ำแต่ละครั้งไม่ว่าจะน้ำอุณหภูมิไหนก็ตาม และอีกหนึ่งเคล็ดลับคือการใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิว หากสบู่ที่ใช้อยู่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังใช้ แนะนำว่าไปหาซื้อสบู่หรือครีมอาบน้ำใหม่จะดีกว่า เพราะความรู้สึกแห้งตึงหลังทำความสะอาดนั้นหมายถึงสารทำความสะอาดที่แรงต่อผิวเกินไป ซึ่งเสี่ยงต่อปัญหาผิวแห้งและระคายเคืองได้

2. ทาสกินแคร์หลังอาบน้ำทันที

อาบน้ำเสร็จแล้วใช่ว่าจะจบ เพราะต่อให้คุณอาบน้ำตามเวลาหรือแม้แต่อาบน้ำเย็น สบู่ที่ฟอกผิวก็กำจัดไปทั้งสิ่งสกปรกและไขมันบนผิวบางส่วนออก หลังอาบน้ำจึงเป็นช่วงเวลาที่น้ำในชั้นผิวเสี่ยงต่อการระเหยออกมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาทองของการเติมความชุ่มชื้นและสารบำรุงให้ผิว

การทาครีมหลังอาบน้ำขณะที่ผิวยังหมาด ๆ จะช่วยให้น้ำที่หลงเหลือบนผิวและมอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) ซึมสู่ผิวและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ยิ่งถ้าสกินแคร์ของคุณมีสารบำรุง ช่วงเวลานี้แหละที่คุณไม่ควรพลาด

3. เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ตามสภาพผิว

ไม่ว่าผิวแบบไหนก็ต้องการความชุ่มชื้น แม้ว่าคุณจะเป็นคนผิวมันก็ตาม โดยคุณต้องแยกน้ำในชั้นผิวกับไขมันบนผิวหนังออกจากกันก่อน น้ำในชั้นผิวช่วยเรื่องการหล่อเลี้ยงเซลล์ผิวให้เต่งตึงดูชุ่มชื้น ส่วนไขมันจะช่วยเคลือบผิวและป้องกันน้ำในชั้นผิวระเหยออก ซึ่งต่อให้ไขมันบนผิวเยอะ แต่น้ำในชั้นผิวน้อยก็อาจเกิดปัญหาผิวมันแต่ขาดน้ำได้

มอยส์เจอไรเซอร์จึงเป็นไอเทมดูแลผิวที่สำหรับคนทุกสภาพผิว ในทุกฤดูกาล มาดูกันว่าคนแต่ละสภาพผิวมีวิธีเลือกมอยส์เจอไรเซอร์อย่างไรกันบ้าง

คนผิวธรรมดา

การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ค่อนข้างยืดหยุ่น เพราะผิวสมดุล ไม่แห้งและไม่มันเกินไป สามารถเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ได้หลายประเภท แต่ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ใช้ในกลุ่มของโลชัน เพราะให้ความชุ่มชื้นได้เหมาะสมกับคนผิวธรรมดามากที่สุด แต่ถ้ามีอายุขึ้นมาหน่อยสกินแคร์ที่เป็นเนื้อครีมอาจตอบโจทย์มากกว่า

คนผิวมัน

คนผิวมันอาจเคยเจอปัญหามอยส์เจอไรเซอร์ที่ใช้ทำให้ผิวมันกว่าเดิม แต่ปัญหานี้จะหมดไป หากเลือกเนื้อสกินแคร์ให้เหมาะสมกับผิวมัน อย่างมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา ไม่อุดตัน มีเบสเป็นน้ำ เจล โลชัน หรือเซรัมที่ซึมง่าย ไม่ทิ้งความมัน และอย่าลืมเลือกสกินแคร์ที่ไม่อุดตันเพื่อลดการเกิดสิวด้วย

คนผิวแห้ง

ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น มีสัมผัสของน้ำมันหรือความมันตามระดับความแห้งของผิว อย่างพวกสกินแคร์ที่เป็นเนื้อครีม หรือใครที่ผิวแห้งรุนแรงอาจลองใช้สกินแคร์ที่มีเนื้อคล้ายขี้ผึ้ง อย่างปิโตรเลียมเจลลีแทน นอกจากนี้ สกินแคร์บางชิ้นยังออกแบบมาเพื่อคนผิวแห้งและผิวแห้งมากโดยเฉพาะ ซึ่งความเข้มข้นก็จะต่างกัน

คนผิวผสม

คุณมี 2 ทางเลือกด้วยกัน ทางเลือกที่ 1 คือการลงทุนซื้อมอยส์เจอไรเซอร์มากกว่าคนอื่นเพื่อตอบโจทย์ผิวที่ต่างกันในแต่ละส่วน ส่วนทางเลือกที่ 2 คือใช้โลชัน ซึ่งให้ความชุ่มชื้นระดับปานกลาง ที่น่าจะใช้ได้สะดวก ไม่ยุ่งยาก และประหยัดกว่าทางเลือกแรก

โดยปกติ สกินแคร์ทุกชนิดมีสารให้ความชุ่มชื้นอยู่ในตัว ทั้งสารที่ช่วยเพิ่มน้ำในชั้นผิวและไขมันที่ช่วยเคลือบผิว แต่นอกจากการเลือกเนื้อของสกินแคร์ให้เหมาะกับผิวแล้ว อย่าลืมดูสารบำรุงอื่น ๆ ที่ช่วยดูแลผิว และระวังสารก่อระคายเคือง อย่างน้ำหอม สี และสารผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรงเกินไป ยิ่งในช่วงหน้าหนาว หากผิวแห้งมาเจอกับสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวอักเสบได้

4. อย่าไว้ใจอากาศเย็นและก้อนเมฆ

แม้อากาศในช่วงหน้าหนาวอาจจะเย็นกว่าปกติในบางพื้นที่และท้องฟ้าก็ดูหม่น ๆ เทา ๆ ไม่ค่อยมีแดดให้เราเห็นสักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องทาครีมกันแดด เพราะต่อให้อากาศเย็นหรือเมฆหนารังสียูวีก็ยังสามารถทำร้ายผิวของเราได้อยู่ดี หรืออาจทำร้ายมากกว่าเดิมเพราะการป้องกันน้อยลง 

การสัมผัสกับรังสียูวีนานเกินไปก็อาจกระตุ้นให้ผิวแห้งและอักเสบได้มากขึ้น แล้วท้องฟ้าที่เห็นว่าหม่น อาจจะไม่ใช่เพราะเมฆ แต่เป็นฝุ่นควันมากกว่า ซึ่งการใช้ครีมกันแดดสามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีและอาจลดการสัมผัสมลภาวะได้ด้วย

การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอไม่ใช่แค่ป้องกันปัญหาจากผิวแห้งเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวดูมีน้ำมีนวล สุขภาพดี ทนต่อมลภาวะและการระคายเคืองได้มากขึ้นด้วย และที่สำคัญยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ด้วย อย่างไรก็ตาม นอกจากการเติมความชุ่มชื้นผ่านการดูแลผิวแล้ว การกินอาหารที่มีประโยชน์และการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมก็ช่วยด้วยเหมือนกัน

5 วิธีนี้ไม่ได้แค่มีประโยชน์ในหน้าหนาวเท่านั้น แต่เป็นวิธีดูแลผิวที่คุณสามารถปรับใช้ได้ตลอดปีเพื่อผิวที่มีชุ่มชื้นและสุขภาพดี สุดท้ายนี้ อาจจะเป็นเรื่องดีที่บ้านเราไม่ได้เป็นประเทศที่หนาวจัดหรือมีอากาศแห้งจัด อาการผิวแห้งในคนส่วนใหญ่เลยอาจไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่คนที่มีโรคผิวหนัง ควรดูแลผิวมากกว่าคนทั่วไป หรือถ้าผิวแห้งมากผิดปกติ แนะนำว่าให้ไปพบกับแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจเพิ่มเติม

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส