(16 ก.พ. 66) บริษัท ฟูจิฟิล์ม เฮลท์แคร์ เอเชียแปซิฟิก จำกัด ผู้ให้บริการ Total Healthcare Solution ชั้นนำระดับโลก ประกาศเดินหน้าธุรกิจเฮลท์แคร์ในประเทศไทยอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมโชว์ไลน์อัพโซลูชันการถ่ายภาพรังสีแบบครบวงจรภายใต้คอนเซ็ปต์ One Stop, Total Healthcare Solution ที่ขับเคลื่อนด้วยประสบการณ์อันยาวนานด้านเทคโนโลยีการประมวลภาพขั้นสูง พร้อมด้วยระบบ AI ล้ำสมัย โดยจะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการวินิจฉัยทางการแพทย์
มร.โนริยูกิ คาวาคูโบะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม เฮลท์แคร์ เอเชียแปซิฟิก จำกัด เผยว่า ฟูจิฟิล์มก้าวสู่ธุรกิจการแพทย์และสุขภาพมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1936 ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ฟิล์มเอกซเรย์ที่เป็นที่ยอมรับจากวงการแพทย์ทั่วโลก และในปี ค.ศ.1981 ฟูจิฟิล์มเป็นบริษัทแรกของโลกที่นำระบบดิจิทัลมาใช้แปรสัญญาณภาพเอกซ์เรย์เพื่อการวินิจฉัยเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยใช้แผ่นไวแสงแบบพิเศษ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนำไปสู่การสร้าง Fuji Computed Radiography (FCR) ในปี ค.ศ 1983 และตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมาเทคโนโลยีภาพถ่ายดิจิทัลทางการแพทย์ ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ต่อมาในปี 2021 ฟูจิฟิล์มได้เดินหน้าธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ด้วยการเข้าซื้อธุรกิจที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคด้วยภาพของ บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (Hitachi) และเปลี่ยนชื่อเป็น Fujifilm Healthcare Corporation นอกจากจะมีเทคโนโลยีเครื่องเอกซเรย์ดิจิทัล, กล้องส่องตรวจระบบทางเดินอาหาร, เครื่องอัลตราซาวด์, เครื่องแมมโมแกรมตรวจเอกซเรย์เต้านม ก็ยังได้เทคโนโลยี MRI และ CT Scan มาช่วยให้การวินิจฉัยทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเมื่อเครื่องมือเหล่านี้ได้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี AI ทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มอย่าง “REiLI” ก็ยิ่งช่วยให้การตรวจวินิจฉัยโรคแม่นยำยิ่งขึ้น และด้วยนวัตกรรมที่ครบวงจรฟูจิฟิล์มจึงประกาศเร่งช่วยเหลือสังคมและเชื่อมต่อบุคลากรทางการแพทย์กับโลกแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด Bridging the Future of Healthcare ตอกย้ำเป้าหมายในการก้าวเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพ ในฐานะผู้ให้บริการ Total Healthcare Solution
จุดเด่นของโซลูชันทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์ม คือการนำนวัตกรรมการถ่ายภาพทางการแพทย์ของฟูจิฟิล์มมาผสานกับการใช้เทคโนโลยี AI และโซลูชันด้านไอที เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถตรวจหาโรคได้อย่างทันท่วงที แม่นยำ เป็นการลดภาระในการทำงานของแพทย์และเพิ่มการรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น
ด้าน มร.โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึง นวัตกรรมที่เป็นไฮไลต์ของฟูจิฟิล์ม ได้แก่ เครื่องเอกซเรย์แบบพกพา FDR Xair ตอบโจทย์การตรวจคัดกรองโรคนอกสถานพยาบาล น้ำหนักเพียง 3.5 กิโลกรัม สามารถพกพาและใช้งานได้ในหลายพื้นที่ เช่น ใช้ในการออกเยี่ยมผู้ป่วยในชุมชนห่างไกลของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เป็นต้น เมื่อใช้งานร่วมกับ FDR-D EVO II แผ่น Detector ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Virtual Grid ที่ช่วยประมวลผลภาพแบบคมชัดสูงสุด
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยเรื่องการตรวจวินิจฉัยระหว่างการผ่าตัด ได้แก่ FDR Cross เครื่องเอกซเรย์ดิจิทัลไร้สายที่มาพร้อมระบบ C-arm สำหรับการถ่ายภาพเอกซเรย์ความละเอียดสูง ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้แก่แพทย์ เพราะสามารถเปลี่ยนแผ่น Detector ตามขนาดที่ต้องการใช้งานได้ พร้อมด้วยระบบ Flurocart อัจฉริยะ และฟังก์ชันการทำงานแบบ 2 in 1 ที่เป็นทั้งเครื่องเอกซเรย์ Fluoroscopy สำหรับตรวจอวัยวะภายในร่างกายแบบเรียลไทม์ และเป็นเครื่องเอกซเรย์ Radiography ดิจิทัลในหนึ่งเดียว
นอกจากนี้ เมื่อปี 2019 บริษัท ฟูจิฟิล์ม เอเชียแปซิฟิก จำกัด ได้ร่วมกับภาควิชารังสีเทคนิค คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดศูนย์ฝึกอบรม “MAHIDOL UNIVERSITY-FUJIFILM Asia Pacific Healthcare Learning Academy (MU-FAHLA) Center for Advanced Medical Imaging Informatics” ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านรังสีเทคนิคระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแห่งแรกในประเทศไทย ด้วยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยชั้นนำของภูมิภาคและผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการถ่ายภาพรังสีดิจิทัลและเวชศาสตร์สารสนเทศ ศูนย์แห่งนี้จึงสามารถสร้างหลักสูตรการฝึกอบรมที่มีมาตรฐานและเป็นระบบสำหรับนักรังสีเทคนิคและเจ้าหน้าที่ไอทีในโรงพยาบาลในประเทศไทยและทั่วโลก และได้ให้การอบรมแก่ผู้บริหารจัดการและวิศวกรระบบ PACS (Picture Archiving and Communication System – ระบบการจัดเก็บรูปภาพทางการแพทย์) กว่า 50 คน ที่ปัจจุบันนำความรู้จากหลักสูตรไปใช้ในโรงพยาบาลในหลาย ๆ ประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ฟูจิฟิล์มมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมของประเทศไทย โดยเฉพาะการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ ผ่านเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งานของแพทย์ เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาวะที่ดีต่อไป