เคยไหม ? รู้สึกว่าตัวเองไม่หล่อ ไม่สวย ต้องคอยแต่งหน้าเข้ม ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง หรือบางคนถึงกับศัลยกรรมความงามให้เป็นในแบบที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดหากคุณทำแล้วเกิดความมั่นใจขึ้น แต่จนแล้วจนรอดก็ยังคงไม่ชอบหน้าตาตนเองอยู่ คิดซ้ำไปซ้ำมาจนเข้าข่ายหมกมุ่น คุณอาจกำลังเป็น ‘โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตนเอง’

โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตนเอง (Body Dysmorphic Disorder)

เป็นโรคที่จัดอยู่ในภาวะสุขภาพจิตที่คุณรู้สึกว่ารูปร่าง หน้าตา ของตนเองมีความผิดปกติ และไม่สามารถหยุดนึกถึงข้อบกพร่องนั้น ๆ ได้ โดยจุดบกพร่องนี้อาจจะเกิดขึ้นบนหน้าตาของคุณแม้จะเป็นสิ่งที่คนรอบข้างไม่ได้สังเกตเห็น แต่สำหรับคุณแล้วมันคือเรื่องใหญ่ และน่าอับอาย สร้างความไม่มั่นใจให้กับคุณ เช่น ไม่ชอบตาชั้นเดียวของตนเอง ไม่ชอบคิ้วที่แหว่งเล็กน้อย ไม่ชอบริมฝีปากที่รู้สึกว่าใหญ่หรือบางเกินไป ฯลฯ ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้อาจทำให้คุณต้องส่องกระจกซ้ำไปมาวันละหลาย ๆ รอบ หรือกลับกันอาจทำให้คุณไม่กล้าส่องกระจกเพราะไม่ชอบหน้าตาของตนเองจนกระทบต่อการใช้ชีวิต

แม้คุณจะพยายามหาหนทางในการกลบข้อบกพร่องของตนเองด้วยการแต่งหน้า แต่ความสบายใจนี้ก็เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้น ไม่นานคุณก็จะรู้สึกกังวลและเริ่มส่องกระจกเช็กหน้าตาของตนเองอีกครั้ง

อาการของโรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตนเอง

สำหรับบางคนที่ไม่ได้ชอบหน้าตาของตนเอง และก็หาวิธีแก้ไขโดยการแต่งหน้าหรือเข้าคลินิกเสริมความงาม อาจกำลังสงสัยอยู่ว่าอาการหรือความกังวลใจที่ตนเองเป็นอยู่เข้าข่าย ‘โรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาของตนเอง’ หรือไม่ มาดูลองเช็กสัญญาณของโรคนี้กัน

  • หมกมุ่นกับจุดบกพร่องในรูปร่าง หน้าตนของตนเอง แม้เป็นจุดเล็ก ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นก็ตาม
  • รู้สึกว่าข้อบกพร่องของตนเองเป็นจุดที่ยิ่งใหญ่ และดูน่าอับอายไปจนถึงน่ารังเกียจ
  • คิดว่าคนอื่นต้องสนใจจุดที่คุณไม่มั่นใจ และคิดว่าคนอื่นจะตลกขบขันกับข้อบกพร่องบนใบหน้าของคุณ
  • พฤติกรรมการส่องกระจกบ่อย ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือการหาเครื่องสำอางมาปกปิดร่องรอยที่คุณไม่ชอบ หาซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปจนถึงการเสพติดศัลยกรรม
  • ถามความคิดเห็นคนรอบข้างเกี่ยวกับเรื่องหน้าตา เพื่อสร้างความมั่นใจให้ตนเอง
  • หลีกเลี่ยงการต้องออกไปเจอผู้คน ไม่ชอบเข้าสังคมเพราะขาดความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง

หากคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้ และคิดกังวลเป็นเวลานานหลายชั่วโมงต่อวัน คุณอาจเข้าข่ายเป็นโรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตนเอง ซึ่งโรคนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อจิตใจคุณเท่านั้น แต่อาจสร้างปัญหาอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ด้านการเรียน การทำงาน หรือการต้องเข้าสังคม เป็นต้น

จุดที่คนเป็นโรคนี้มักกังวลเป็นพิเศษ

พบว่าส่วนใหญ่แล้วคนที่เป็นโรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาของตนเอง มักจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย อาจเพราะผู้หญิงมีความละเอียดอ่อนและให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงามมากกว่าผู้ชาย แต่ทั้งนี้ผู้ชายบางคนก็อาจไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตนเองได้เช่นกัน โดยจุดที่พบว่าคนที่เป็นโรคนี้มักจะกังวลและมองว่าเป็นจุดบกพร่องของตนเอง มีดังนี้

  • ใบหน้า ได้แก่ ตา คิ้ว จมูก ปาก สิว ไฝหรือขี้แมลงวัน และปัญหาผิวพรรณอื่น ๆ
  • ผม เช่น ผมหยิก ผมบาง หรือศีรษะล้าน ฯลฯ
  • ขนาดหน้าอก
  • รูปร่าง ได้แก่ ผอมบาง อวบ หรือมีเค้าโครงใหญ่ เป็นต้น
  • อวัยวะเพศ

สาเหตุของโรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตนเอง

โรคนี้ไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดเหมือนกับโรคทางจิตประเภทอื่น ๆ แต่ทั้งนี้อาจเกิดจากผู้ที่มีประวัติโรคย้ำคิดย้ำทำ โรคกลัวการเข้าสังคม และปัจจัยอื่นที่อาจเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ได้ เช่น

  • คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตนเอง
  • ระดับเคมีในสมองผิดปกติ
  • ประสบการณ์วัยเด็กที่เลวร้าย อาจโดนล้อเรื่องรูปร่างหน้าตาของตนเองจนขาดความมั่นใจไป
  • ค่านิยมในสังคมที่ปลูกฝังเรื่องความงามในแบบที่ไม่ใช่ตนเอง
  • การถูกกดดันจากสังคมให้ต้องเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบตามค่านิยม

อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

เมื่อคุณสงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรคไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตนเอง ให้คุณรีบปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านสุขภาพจิตเพื่อทำการรักษาต่อไป เพราะอาการของโรคนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณต้องรู้สึกไม่สบายใจ ไม่กล้าเข้าสังคม กระทบต่อการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อการเป็นภาวะซึมเศร้า และปัญหาที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตด้านอื่น ๆ ตามมา ร้ายแรงกว่านั้นอาจทำให้คุณคิดอยากจบชีวิตของตนเองเพราะไม่พอใจในรูปร่างหน้าตาได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องรูปร่างหน้าตาเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก ที่สำคัญความชื่นชอบและรสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เหนือสิ่งอื่นใดเราควรใส่ใจกับเรื่องการดูแลบุคลิกภาพของตนเองให้ดูดี ถูกกาลเทศะ ไม่จำเป็นจะต้องสมบูรณ์แบบหรือทำเพื่อให้สังคมพอใจ ขอเพียงคุณมั่นใจและรักในสิ่งที่คุณเป็น และหมั่นสร้างความสุขเรื่องอื่น ๆ ให้ตนเองเสมอก็เพียงพอ เพราะหน้าตาเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น สิ่งสำคัญคือจิตใจของคุณต่างหากที่จะทำให้ผู้คนเคารพรักได้อย่างแท้จริง

ที่มา 1 , ที่มา 2

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส