Open Office หรือออฟฟิศแบบเปิดเป็นภาพบรรยากาศที่ทำงานที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่หากย้อนไปสัก 10 ปีหรือมากกว่านั้น ภาพออฟฟิศแบบคอกหรือออฟฟิศที่มีฉากกั้นระหว่างโต๊ะทางเรียงรายกันน่าจะเป็นภาพที่หลายคนคุ้นตา
แต่ในปัจจุบัน ออฟฟิศแบบ Cubicle หรือออฟฟิศแบบคอกพบเห็นได้น้อยมาก เพราะออฟฟิศแบบเปิดสามารถช่วยให้ทุกคนสามารถเห็นหน้าค่าตาและแลกเปลี่ยนไอเดียกันได้ตลอดเวลา แถมยังให้ความรู้สึกอิสระ ไม่อุดอู้เหมือนออฟฟิศแบบคอก
นอกจากข้อดีแล้ว ส่วนหนึ่งบริษัททั่วโลกเปลี่ยนรูปแบบออฟฟิศแบบปิดมาเป็นแบบเปิดก็เพราะอิทธิพลจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Facebook, และ Apple ที่มีออฟฟิศแบบเปิดที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ความล้ำหน้า ความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นออฟฟิศสมัยใหม่ในฝันของใครหลายคน
But One Size Does Not Fit All หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่คนยอมรับกันอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน ออฟฟิศแบบเปิดก็เช่นเดียวกัน เพราะใช่ว่างานทุกตำแหน่งต้องการการสื่อสารหรือแลกเปลี่ยนความคิดตลอดเวลา และแทบทุกคนก็น่าจะมีช่วงเวลาที่ต้องการสมาธิ ซึ่งออฟฟิศเปิดอาจไม่สามารถมอบสิ่งนี้ให้คุณได้
ระหว่างที่คุณกำลังเขียนบทความที่ต้องเรียบเรียงข้อมูลอันสลับซับซ้อน โต๊ะฝ่ายบัญชีที่เยื้องกับคุณอาจกำลังหัวเราะเสียงดังจากการดูคลิปตลกใน TikTok คนที่นั่งตรงข้ามคุณกำลังซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งชวนหิว หรือในช่วงที่คุณกำลังปั่นงานอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คนในออฟฟิศเดินขวักไขว่ดึงสายตาคุณจากหน้าจอ หรือพูดคุยเสียงดังจอแจจนเสียสมาธิ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและบางครั้งก็อาจรู้สึกหงุดหงิดแบบปฏิเสธไม่ได้
อีกหนึ่งสิ่งที่อาจเป็นข้อเสียของออฟฟิศแบบเปิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ คือ ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรคที่สูงขึ้น โดยตั้งแต่ก่อนมีโรคโควิด-19 มีผลสำรวจในต่างประเทศที่ศึกษาในพนักงานกว่า 2,403 คนที่ทำงานในออฟฟิศแบบเปิดมีอัตราการลาป่วยเพิ่มมากขึ้น
จากข้อมูลการสำรวจพบว่ามีคนหลายสาขาอาชีพที่ไม่ชื่นชอบออฟฟิศแบบเปิดสักเท่าไหร่ แต่เอาเข้าจริง ๆ ไม่ว่าตำแหน่งไหนหรืออาชีพอะไรก็น่าจะต้องการสมาธิด้วยกันทั้งนั้น นอกจากนี้ ออฟฟิศแบบปิดอาจช่วยให้คุณมีสมาธิจดจ่อกับงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานบางคนได้มากกว่าออฟฟิศแบบเปิด
หรือหากใครคิดว่าออฟฟิศแบบเปิดน่าจะมีอิสระมากกว่า คุณลองคิดดูดี ๆ ว่าเวลาที่คุณหยิบมือถือขึ้นมาดูฟีดข่าวหลังจากทำงานมา 3 ชั่วโมงติดต่อกันเพื่อพักสมอง แต่หัวหน้ากลับจดจ้องราวกับคุณกำลังผิดร้ายแรง นั่นอาจไม่ใช่อิสระสำหรับผู้คนในยุคนี้ แต่ในขณะเดียวกันคอกกั้นระหว่างโต๊ะที่ดูเหมือนคุกกำลังขังคุณกลับทำให้คุณเป็นอิสระจากทุกสายตาของคนในออฟฟิศที่จับจ้อง
อย่างไรก็ตาม หากงานของคุณต้องทำงานที่เน้นการสื่อสารเป็นหลัก ออฟฟิศแบบเปิดน่าจะตอบโจทย์และส่งผลดีต่อการทำงานมากกว่า ส่วนคนรุ่นใหม่ที่เริ่มเข้าทำงานตอนที่บริษัทเปลี่ยนมาเป็นออฟฟิศแบบเปิดอาจไม่ได้รู้สึกอะไร นอกจากนี้ การศึกษาบางส่วนพบว่าการสื่อสารแบบเห็นหน้าเห็นตากันจริง ๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าได้ด้วย
ทั้งนี้ ออฟฟิศแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับความชอบและสไตล์การทำงานของแต่ละคนด้วย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส