ปกติแล้วหากไม่ใช่เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย คนเรามักจะไม่ค่อยซื้อของใหม่ ๆ มากนัก เพราะเข้าใจว่าของใช้ต่าง ๆ ควรเปลี่ยนก็ต่อเมื่อพังหรือสึกหรอ แต่ในความเป็นจริงแล้วของใช้โดยเฉพาะของใช้ในบ้านต่างมีอายุการใช้งานของมัน หากคุณไม่เปลี่ยนหรือใช้ของเก่าเป็นเวลานานอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้
10 ของใช้ในบ้านที่ควรเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ
ของใช้ในบ้านถือว่าเป็นสิ่งของที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะบ้านถือพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด และเป็นสถานที่พักผ่อนของทุกคน ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ก็ควรเป็นสิ่งที่สะอาดปลอดภัย ที่สำคัญต้องไม่ทำให้สุขภาพของคุณพัง โดยของใช้ในบ้านที่ควรเปลี่ยนอย่างเป็นประจำ มีดังนี้
1.ฟองน้ำล้างจาน
ฟองน้ำล้างจานเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียชั้นดี ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ต้องล้างจานบ่อย ๆ ยิ่งต้องเปลี่ยนฟองน้ำล้างจาน โดยให้พยายามเปลี่ยนฟองน้ำทุก ๆ 2-8 สัปดาห์ หรือตามความถี่ในการใช้งาน
2.เครื่องสำอาง
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าเครื่องสำอางที่เราใช้กันนั้นมีวันหมดอายุ เช่น เครื่องสำอางที่ใช้สำหรับบริเวณรอบ ๆ ดวงตาอย่าง มาสคาร่า อายไลเนอร์ ควรจะเปลี่ยนทุก ๆ 3 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรอบดวงตาได้
ในส่วนของอายแชโดว์ รองพื้น บลัชออน และบรอนเซอร์ ควรจะเปลี่ยนใหม่หลังจากที่ใช้อันเดิมผ่านมาแล้ว 2 ปี ส่วนเครื่องสำอางชนิดน้ำหรือครีมจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
ขณะเดียวกันแปรงแต่งหน้าก็เป็นสิ่งที่ควรเปลี่ยนบ่อย ๆ เช่นกัน เพราะคนที่แต่งหน้าจะใช้แปรงแต่งหน้าเป็นประจำทุกวัน ซึ่งทำให้ใบหน้าต้องสัมผัสกับแบคทีเรียโดยตรง รวมถึงบริเวณใกล้ดวงตา และบริเวณอื่น ๆ ที่อาจติดเชื้อด้วย ดังนั้น จึงควรเปลี่ยนแปรงแต่งหน้าในทุก 3 เดือน และทำความสะอาดแปรงแต่งหน้าสัปดาห์ละครั้ง
3.แปรงสีฟัน
การเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจว่าฟันและเหงือกของคุณได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสมทุกครั้งที่คุณแปรงฟัน
โดยแปรงสีฟันเก่าเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียจำนวนมาก และพาเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ปากของคุณ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าควรเปลี่ยนแปรงสีฟันในทุก 2-3 เดือน หรือเร็วกว่านั้นหากขนแปรงเริ่มหลุดลุ่ย
4.แปรงขัดห้องน้ำ
หากแปรงขัดห้องน้ำดูสกปรกหรือหลุดลุ่ย นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณควรจะซื้อแปรงขัดห้องน้ำใหม่ได้แล้ว เพราะที่ขนของแปรงขัดห้องน้ำเต็มไปด้วยแบคทีเรีย การนำมาใช้ซ้ำเป็นเวลานานอาจทำให้การทำความสะอาดห้องน้ำของคุณไม่ได้สะอาดอย่างที่คิด ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนแปรงขัดห้องน้ำทุก ๆ 6 เดือน หรือเร็วกว่านั้นหากขนแปรงเริ่มดูเก่าหรือชำรุด
5.หมอน
หมอนเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกหมอนที่ดีจะทำให้คุณนอนหลับพักผ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันหลายคนไม่ทราบว่าเราควรเปลี่ยนหมอนในทุก ๆ 2 ปี เป็นเวลาที่เหมาะสมต่ออายุการใช้งาน เพราะหากใช้หมอนใบเดิมนานเกินไปคุณภาพการรองรับศีรษะอาจสึกหรอ และนำมาซึ่งอาการปวดเมื่อยบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ควรหมั่นซักหมอนอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันเชื้อโรคหรือฝุ่นที่เกาะอยู่บนหมอนด้วย
6.เครื่องดูดฝุ่น
เมื่อพูดถึงการบำรุงรักษาเครื่องดูดฝุ่น หลายคนนึกถึงการเทถ้วยเก็บฝุ่นเมื่อเต็มเท่านั้น แต่การรักษาตัวกรองของเครื่องดูดฝุ่นของคุณให้สะอาดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเมื่อตัวกรองสกปรกเกินไป เครื่องดูดฝุ่นจะเริ่มปล่อยฝุ่น หรือสิ่งสกปรกกลับขึ้นไปในอากาศ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนแผ่นกรองฝุ่นทุก ๆ 6 เดือน หรือเร็วกว่านั้นหากคุณดูดฝุ่น หรือขนสัตว์ที่ก่อให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ได้ง่าย
7.ผ้าขนหนูและผ้าเช็ดมือ
ผ้าขนหนูจะสูญเสียความฟูไปตามกาลเวลา แม้ว่าจะเป็นของที่ต้องซักบ่อยในบ้าน แต่ก็สามารถเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผ้าเช็ดมือที่มีไว้เช็ดสิ่งสกปรก แบคทีเรียจะยังหลงเหลืออยู่หลังการซักแต่ละครั้ง แนะนำว่าให้เปลี่ยนผ้าเช็ดมือทุก ๆ 2 ปี และซักทุก 2 วัน
8.ที่นอน
เตียงนอนจัดว่าเป็นมุมโปรดและมุมสบายที่สุดในบ้านแล้วก็ว่าได้ แต่หากเตียงหรือฟูกที่นอนของคุณผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน อาจทำให้ประสิทธิภาพในการรองรับร่างกายเวลาที่คุณพลิกตัวไปมาได้ไม่ดี แถมยังทำให้นอนหลับไม่สบาย ส่งผลต่อการนอนของคุณอีก ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ซื้อที่นอนใหม่ในทุก ๆ 10 ปี
ขณะเดียวกันผ้าปูที่นอนก็เป็นอีกสิ่งที่ควรเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาเช่นกัน แม้ว่าผ้าปูของคุณจะผ่านการซักบ่อยครั้ง แต่ก็สามารถสะสมเชื้อโรคได้เช่นกัน แนะนำให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุก 2 ปี และซักทุกสัปดาห์
9.เสื่อโยคะ
สำหรับสายออกกำลังกายควรรู้ไว้ว่าอุปกรณ์ที่คุณใช้บริหารร่างกายที่บ้านอย่างเสื่อโยคะ ก็มีอายุการใช้งานของมันเช่นกัน หากเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกว่าเสื่อโยคะของคุณมีปัญหาเรื่องการยึดเกาะที่พื้น คุณควรซื้อใหม่ทันที เพราะหากยังฝืนใช้ต่ออาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะออกกำลังกายได้ ดังนั้น แนะนำให้เปลี่ยนเสื่อโยคะทุกปี หรือเปลี่ยนเมื่อรู้สึกว่าเสื่อโยคะของคุณเริ่มใช้งานได้ไม่ดีเท่าเมื่อก่อน
10.วิตามินและยา
วิตามิน อาหารเสริม และยาที่จำหน่ายโดยทั่วไป มักจะมีวันหมดอายุระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ ควรตรวจสอบวันที่ของยาที่คุณมีอยู่ ขณะเดียวกันตู้เก็บยาอาจทำให้ยาหมดอายุเร็วขึ้นด้วย เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่อุ่นและชื้น ดังนั้น แนะนำให้อ่านฉลากวันหมดอายุของยาทุกประเภท และไม่เก็บยาไว้นานเกิน
บ้านทุกหลังเต็มไปด้วยเชื้อโรค แต่นิสัยด้านสุขอนามัยที่ดี และการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอสามารถป้องกันไม่ให้คุณป่วยได้ ขณะเดียวกันหากคุณไม่ได้ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนของใช้ในบ้านเมื่อถึงเวลาอาจทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่าง ๆ และนำพาปัญหาสุขภาพมาสู่คุณ
ที่มา thezebra , onegoodthing
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส