หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ติดอยู่ในความสัมพันธ์ที่ Toxic หรือความสัมพันธ์ที่มีแต่ทำร้ายร่างกายและจิตใจของตนเอง ความสัมพันธ์นี้มักจะใช้กำลัง พูดจาว่าร้ายให้คุณรู้สึกแย่ เราเรียกความสัมพันธ์นี้ว่า ‘Abusive Relationship’ ผู้คนมักจะบอกให้คุณเดินออกมาจากความสัมพันธ์ หรือบอกเลิกคนที่ทำให้คุณเสียใจ ฟังดูเหมือนง่ายแต่สำหรับคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นี้ การตัดขาดใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้เขาจะทำให้คุณเจ็บปวดแต่ลึก ๆ คุณเองก็ยังมีความหวังที่จะทำให้เขาเปลี่ยนตัวเอง
เรื่องนี้จะยังคงเป็นเรื่องที่ทำให้คุณสับสนตลอดเวลา ยิ่งสำหรับคนที่แยกจากครอบครัวและอาศัยอยู่กับคนรักด้วยแล้ว ปัญหาอาจไม่ใช่แค่ทำร้ายกันทางร่างกาย และจิตใจเท่านั้น อาจมีปัญหาเรื่องเงินหรือการใช้ชีวิตตามมา ขอให้คุณเตือนตนเองเสมอว่าการก้าวเดินออกจากคนที่รักไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือแย่เสมอไป และหากคุณถูกคนรักทำร้ายให้คุณคิดเสมอว่า
- คุณไม่ใช่สาเหตุของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคู่ของคุณ
- คุณสมควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ
- คุณคู่ควรกับชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุข
- ลูก ๆ ของคุณสมควรได้รับชีวิตที่ปลอดภัยและมีความสุข
- คุณไม่ได้อยู่คนเดียว มีคนคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ
สัญญาณ Abusive Relationship
Abusive Relationship ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความรุนแรงทางร่างกายเท่านั้น อาจรวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศ อารมณ์ ร่างกาย และอาจเกี่ยวข้องกับการควบคุมการเงินของคุณ นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับความสัมพันธ์นี้อยู่
- พฤติกรรมการควบคุมและเป็นเจ้าของ
- ต้องรายงานว่าคุณอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไร และอยู่กับใคร ให้เขาทราบเสมอ
- หึงหวงอย่างไร้เหตุผล
- กล่าวหาว่าคุณนอกใจหรือเจ้าชู้
- แยกคุณออกจากครอบครัวและเพื่อน โดยมักจะทำตัวหยาบคายกับคนใกล้ตัวคุณ
- ทำให้คุณผิดหวัง ไม่ว่าในที่สาธารณะหรือส่วนตัว
- มักจะเปรียบเทียบคุณกับคนอื่นในทางที่ไม่ดี
- ตำหนิคุณเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดในความสัมพันธ์ และกล่าวหาว่าคุณเป็นต้นเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น
- เขามักพูดว่า ‘ไม่มีใครต้องการคุณอีกแล้ว’
- เขามักตะโกนหรือบึ้งตึง และจงใจทำลายสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ
- เขาขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงกับคุณ ครอบครัว เพื่อน หรือสัตว์เลี้ยง
- ใช้ความรุนแรงทางร่างกายและทางเพศ
- บังคับหรือหลอกให้คุณมีเพศสัมพันธ์หรือทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการทำ
- ทำร้ายคุณ สัตว์เลี้ยง หรือสมาชิกในครอบครัวของคุณ
สิ่งที่ทำให้สับสนและไม่ออกจาก Abusive Relationship
1.คู่ของฉันไม่ได้รุนแรงตลอดเวลา ‘เขารักฉัน’
คนรักที่ชอบใช้ความรุนแรงอาจแสดงความรักต่อคุณในเวลาอื่น ๆ และอาจรู้สึกเสียใจกับพฤติกรรมแย่ ๆ ของเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะโกรธและอารมณ์เสียกับพวกเขา อย่างไรก็ตาม มีโอกาสค่อนข้างสูงที่พฤติกรรมรุนแรงของพวกเขาจะดำเนินต่อไป คนที่ใช้ความรุนแรงอาจเป็นคนที่มีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาพยายามทำให้คุณหรือคนอื่น ๆ มองพวกเขาในแง่ดี
2.ทุกอย่างจะดีขึ้น ‘เขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายฉัน’
หลังจากเหตุการณ์รุนแรง เป็นเรื่องปกติที่ทั้งคุณและคนรักจะพยายามมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการแก้ตัว ขอโทษ หรือสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลง คุณอาจรู้สึกอายหรือกลัวที่จะรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจริง สิ่งต่าง ๆ อาจสงบลงบ้าง แต่มักจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นเรื่องยากมากที่จะเลิกพฤติกรรมการทำร้ายร่างกายในความสัมพันธ์นี้
3.รู้สึกสับสน ‘ฉันแน่ใจว่ามันจะเป็นครั้งเดียว’
หากคุณถูกทำร้าย หลาย ๆ อย่างอาจทำให้รู้สึกสับสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นความสัมพันธ์ครั้งแรกหรือเป็นครั้งแรกที่คู่ของคุณแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อคุณ คุณอาจไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ผู้กระทำผิดจะพยายามโน้มน้าวความรู้สึกของคุณ ทำให้คุณรู้สึกสับสน แต่ตามสถิติแล้วถ้ามีคนแสดงพฤติกรรมรุนแรงครั้งหนึ่ง พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะทำอีก
4.’อาจจะเป็นความผิดของฉันเอง’
ทันทีที่คุณต่อว่า ตำหนิในพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคนรัก เขาอาจแก้ตัวในพฤติกรรมของเขาด้วยการพูดว่า ‘มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าคุณไม่…’ แต่ความจริงก็คือไม่ว่าคุณจะทำอะไร พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเขา หรือการทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่ความผิดของคุณ
5.’ฉันกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันปล่อยเขาไป’
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะรู้สึกกลัวที่จะละทิ้งคนที่ข่มเหงคุณ คุณอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือกลัวว่าคนคนนั้นจะทำอะไรกับคุณหรือตัวเอง สิ่งสำคัญคือคุณไม่ได้ตัวคนเดียว ปัจจุบันมีหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือผู้ที่เป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว หรือผู้หญิงที่เป็นเหยื่อความรุนแรงคุณสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือเมื่อพบว่าอยู่ในสถานการณ์ที่เกินควบคุม
ตัดสินใจออกจาก Abusive Relationship
ในขณะที่คุณต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์ที่เลวร้าย หรือพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ ให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.หากคุณหวังว่าคนรักของคุณจะเปลี่ยนใจ คนรักที่ทำร้ายคุณทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นผู้มีปัญหาทางอารมณ์ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะเปลี่ยนตนเองได้ และการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเขารับผิดหรือรู้สึกผิดต่อพฤติกรรมของตนเอง
2.หากคุณเชื่อว่าคุณสามารถช่วยเหลือหรือเปลี่ยนแปลงคนรักได้ เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณต้องการช่วยคู่ของคุณ คุณอาจคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่เข้าใจเขา หรือเป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะต้องแก้ไขปัญหาของเขา แต่ความจริงมันคือการที่คุณอยู่ต่อและยอมรับการถูกกระทำให้เจ็บช้ำซ้ำ ๆ ที่สำคัญคุณอาจกำลังตอกย้ำและกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าว แทนที่จะช่วยคนที่ทำร้ายคุณกลับทำให้ปัญหายืดเยื้อ
3.หากคนรักของคุณสัญญาว่าจะหยุดการกระทำเหล่านี้แต่สุดท้ายทำไม่ได้ เขามักจะร้องขอโอกาสอีกครั้ง และสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลง แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือการควบคุมและป้องกันไม่ให้คุณออกไป ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะกลับไปทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็วเมื่อคุณให้อภัย และพวกเขาก็จะหมดความกังวลว่าคุณจะบอกเลิกอีกต่อไป
หนทางออกจากความสันพันธ์นี้
1.เตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อหนี หลังจากที่คุณตัดสินใจได้แล้วว่าอยากจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ ลำดับต่อไปคุณอาจต้องวางแผนเตรียมการให้พร้อมสำหรับการหนีจากคนรัก เพราะพวกเขาอาจไม่ยอมที่จะให้คุณจากไปง่าย ๆ ที่สำคัญเป็นการหลีกหนีความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นหากตกลงเรื่องเลิกรากันไม่ลงตัว
2.บันทึกเบอร์ฉุกเฉิน ควรเก็บเบอร์โทรฉุกเฉินเอาไว้ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ช่วยเหลือเร่งด่วน 24 ชั่วโมง กรมประชาสงเคราะห์ เป็นต้น
3.ปรึกษาคนที่ไว้ใจได้ คุณควรปรึกษาใครสักคนที่ไว้ใจได้ ที่สำคัญบุคคลนั้นต้องเป็นฝ่ายสนับสนุนให้คนกล้าที่จะออกจากความสัมพันธ์นี้
4.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ในบางครั้งคุณอาจรู้สึกสับสนและทรมานกับการที่ต้องยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้ แต่ลึก ๆ คุณก็ไม่อยากทำร้ายร่างกายและจิตใจของตนเองอีก การปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา สามารถช่วยคุณได้ รวมไปถึงตำรวจ และทนายความ ก็อาจจำเป็นเช่นกันในกรณีที่คุณต้องการได้รับความมั่นใจว่าจะสามารถหลุดพ้นจากคนรักได้
รักษาแผลใจและก้าวต่อไป
รอยแผลเป็นจากความรุนแรงในครอบครัว และการล่วงละเมิดที่ฝังลึก ความบอบช้ำจากสิ่งที่คุณเคยพบเจอสามารถอยู่กับคุณได้นานหลังจากที่คุณรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายมา คุณอาจจะต่อสู้กับอารมณ์ที่ปั่นป่วน ความทรงจำที่น่ากลัว หรือความรู้สึกถึงอันตรายอย่างต่อเนื่อง แต่การได้คำปรึกษา การบำบัด และกลุ่มสนับสนุนสำหรับผู้รอดชีวิตจากการถูกทารุณกรรมในครอบครัวสามารถช่วยคุณประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น และเรียนรู้วิธีสร้างความสัมพันธ์ใหม่ที่ดีได้
สร้างความสัมพันธ์ใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ
หลังจากออกจาก Abusive Relationship คุณอาจกระตือรือร้นที่จะมีความสัมพันธ์ใหม่ แต่คุณควรค่อยเป็นค่อยไปช้า ๆ ใช้เวลาในการทำความรู้จักตนเองและเข้าใจว่าคุณเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายครั้งก่อนหน้านี้ได้อย่างไร หากไม่ใช้เวลาในการเยียวยาและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คุณก็อาจเสี่ยงที่จะพบเจอกับคนรักหรือความสัมพันธ์ในรูปแบบเดิมได้อีก
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส