อุณหภูมิในออฟฟิศที่หนาวเกินไปเป็นปัญหาที่พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่พบเจอ จึงไม่แปลกที่พนักงานหลายคนจะมีเสื้อคลุม เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ หรือแม้แต่ผ้าห่มประจำตัวติดไว้ที่โต๊ะ ซึ่งเวลาที่ร่างกายเผชิญกับความหนาวในออฟฟิศ หลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน
นอกจากการถูกรบกวนในด้านความรู้สึกแล้ว ผลสำรวจยังพบว่าอากาศที่เย็นเกินไปส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงและเพิ่มอัตราของความผิดพลาดในการทำงานด้วย
อลัน เฮดจ์ (Alan Hedge) ศาสตราจารย์ด้านการออกแบบและการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมและผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการปัจจัยมนุษย์และการยศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell university) ได้นำการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิในที่ทำงานกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นเวลากว่า 1 เดือนในสำนักงานประกันแห่งสหรัฐอเมริกา
ทีมนักวิจัยได้ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตามจุดต่าง ๆ รวมกับการเก็บข้อมูลอุณหภูมิทุก 15 นาที และนำไปประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งการศึกษานี้พบว่าอุณหภูมิในออฟฟิศส่งผลต่อการทำงานได้จริง
จากการศึกษานี้ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพและข้อผิดพลาดในการพิมพ์งานของพนักงานในช่วงที่อุณหภูมิอยู่ 20 องศาเซลเซียสและ 25 องศาเซลเซียส แล้วพบว่าการทำงานในสภาพแวดล้อมที่อุ่นกว่าช่วยลดข้อผิดพลาดในการพิมพ์ได้ราว 44 เปอร์เซ็นต์ และเพิ่มคุณภาพของงานถึง 150 เปอร์เซ็นต์
และขณะที่อุณหภูมิในออฟฟิศอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส พนักงานมีอัตราการพิมพ์งานอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมีอัตราการพิมพ์ผิดอยู่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่พออุณหภูมิลดลงไปที่ 20 เปอร์เซ็นต์ อัตราการพิมพ์ลดไปที่ 54 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราการพิมพ์ผิดเพิ่มขึ้นไปที่ 25 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ การเผชิญกับแอร์ออฟฟิศที่หนาวเกินไปยังอาจกระตุ้นอาการของโรคภูมิแพ้อากาศและเสี่ยงต่อปัญหาผิวแห้งได้ด้วย ดังนั้น อุณหภูมิในที่ทำงานจึงส่งผลต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้
อย่างไรก็ตาม การศึกษาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ที่ Hack for Health ได้เอามาเล่าเป็นการศึกษาขนาดเล็กและวัดผลจากการพิมพ์เท่านั้นจึงต้องมีการศึกษาในมุมอื่นเพิ่มเติม แต่หากใครกำลังเป็นผู้ประสบภัยความหนาวในออฟฟิศ ลองเอาข้อมูลนี้ไปคุยกับฝ่ายสถานที่ดูได้
ที่มา cornell.edu
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส