ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นระบบที่ซับซ้อนของเซลล์เม็ดเลือดและอวัยวะต่าง ๆ ช่วยปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคที่เป็นอันตรายซึ่งอาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ หากคุณพบว่าตัวเองติดเชื้อบ่อย ๆ อาจหมายความว่าคุณมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และหากยิ่งปล่อยไว้นานวันโดยไม่หันมาใส่ใจสุขภาพหรือไปพบแพทย์ก็อาจส่งผลร้ายแรงตามมาได้

ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ระบบภูมิคุ้มกันประกอบไปด้วย เซลล์เม็ดเลือดขาว แอนติบอดี และส่วนประกอบอื่น ๆ รวมทั้งอวัยวะและต่อมน้ำเหลือง ประกอบกันเป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อบ่อยกว่าคนอื่น

ความผิดปกติหลายอย่างอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และทำให้บางคนมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ความผิดปกติเหล่านี้มีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง บางอย่างเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิดในขณะที่บางอย่างเป็นผลมาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน โดยผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจมีแนวโน้มที่จะประสบกับปัญหาต่อไปนี้ 

  • ความผิดปกติของภูมิต้านทาน
  • การอักเสบของอวัยวะภายใน
  • ความผิดปกติของเลือด เช่น โรคโลหิตจาง
  • ปัญหาการย่อยอาหาร ได้แก่ เบื่ออาหาร ท้องเสีย และตะคริวในช่องท้อง
  • การเจริญเติบโตและพัฒนาการล่าช้าในทารกและเด็ก

สัญญาณที่บอกว่าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน

บางครั้งเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะในร่างกายของคุณอาจเกิดการทำงานที่ผิดปกติ ซึ่งมีจากหลายสาเหตุและในบางครั้งการหันมาพักผ่อน หรือแม้แต่การไปหาหมออาจช่วยได้ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยเกินไป คุณอาจมีอาการต่าง ๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด หรือโรคเรื้อนกวาง หรือหากระบบภูมิคุ้มกันของคุณเริ่มโจมตีร่างกายของคุณแทนที่จะปกป้องคุณจากโรคต่าง ๆ คุณอาจมีโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคไขข้ออักเสบหรือโรคเบาหวานประเภท 1 และภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเองอื่น ๆ ได้แก่ โรค celiac, lupus, โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง, โรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น

ซึ่งสาเหตุของปัญหาระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติอาจไม่ได้เกิดจากเรื่องการใช้ชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่อาจมาจากสาเหตุอื่น ๆ และสัญญาณที่อาจบอกว่าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน มีดังนี้

1.มือเย็น

หากหลอดเลือดของคุณเกิดการอักเสบ จะทำให้นิ้วมือ นิ้วเท้า หู และจมูกของคุณอบอุ่นได้ยากขึ้น ผิวหนังในบริเวณเหล่านี้อาจเปลี่ยนเป็นสีขาว และเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเมื่อคุณสัมผัสกับความหนาวเย็น และเมื่อเลือดไหลกลับผิวหนังอาจเปลี่ยนเป็นสีแดง

แพทย์เรียกสิ่งนี้ว่า “ปรากฏการณ์ของ Raynaud” หมายถึง ปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำให้เกิดสิ่งนี้ได้ แต่สิ่งอื่น ๆ ก็เช่นกัน เช่น การสูบบุหรี่ ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์บางชนิด และสภาวะที่ส่งผลต่อหลอดเลือดแดงของคุณ

2.ปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย

อาการท้องเสียที่กินเวลานานกว่า 2-4 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังทำร้ายเยื่อบุลำไส้เล็กหรือทางเดินอาหาร

อาการท้องผูกก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน หากลำไส้ของคุณขับถ่ายยาก อุจจาระแข็งมาก ระบบภูมิคุ้มกันของคุณอาจบังคับให้ลำไส้ทำงานช้าลง สาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส และสภาวะสุขภาพอื่น ๆ

3.ตาแห้ง

หลายคนที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเองพบว่ามีอาการตาแห้ง รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในตา หรือคุณอาจสังเกตเห็นความเจ็บปวด รอยแดง ของเหลวไหลเป็นเส้น หรือมองเห็นไม่ชัด บางคนพบว่าไม่สามารถร้องไห้ได้แม้ว่าจะรู้สึกเสียใจก็ตาม

4.ความเมื่อยล้า

การรู้สึกเหนื่อยมาก เช่น เมื่อคุณเป็นไข้หวัด อาจหมายถึงมีบางอย่างเกิดขึ้นกับระบบการป้องกันของร่างกาย ซึ่งการนอนหลับไม่สามารถจะช่วยได้ นอกจากนี้ ข้อต่อหรือกล้ามเนื้อของคุณก็ปวดได้เช่นกัน 

5.มีไข้เล็กน้อย

หากคุณมีอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ อาจเป็นไปได้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณเริ่มทำงานมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อที่กำลังจะเกิดขึ้นหรือเนื่องจากคุณเริ่มมีภาวะภูมิต้านทานผิดปกติ

6.ปวดศีรษะ

ในบางกรณีอาการปวดศีรษะอาจเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น อาจเป็นโรคหลอดเลือดอักเสบ ซึ่งเป็นการอักเสบของหลอดเลือดที่เกิดจากการติดเชื้อหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง

7.ผื่นขึ้นตามตัว

ผิวของคุณเป็นปราการด่านแรกของร่างกายในการต่อต้านเชื้อโรค ลักษณะของผิวสามารถสะท้อนให้เห็นว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณทำงานได้ดีเพียงใด

อาการคัน ผิวแห้ง หรือผิวแดงอาจเป็นอาการทั่วไปของการอักเสบ แต่ผื่นที่เจ็บปวดหรือมีลักษณะที่ดูผิดสังเกต เช่น เป็นผื่นรูปผีเสื้อ หรือผื่นแดงขึ้นบนใบหน้าเป็นจำนวนมาก อาจหมายถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันได้

8.ไวต่อแสงแดด

ผู้ที่เป็นโรคภูมิต้านทานผิดปกติบางครั้งอาจมีปฏิกิริยาแพ้ต่อรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) อาจมีแผลพุพอง ผื่น หรือสะเก็ดเป็นหย่อม ๆ หลังจากอยู่กลางแดด หรืออาจมีอาการหนาวสั่น ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้ได้

9.ปัญหาในการกลืน

หากคุณประสบปัญหาในการย่อยอาหาร หลอดอาหารของคุณอาจบวมหรืออ่อนแอเกินไปที่จะทำงานได้ดี บางคนรู้สึกเหมือนอาหารติดอยู่ในคอหรือหน้าอก หรือบางคนอาจต้องปิดปากหรือสำลักในเวลาที่ต้องกลืนอาหาร ซึ่งอาจมาจากเป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันได้

10.น้ำหนักเปลี่ยนแปลง

หากพบว่าตัวเองมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นแม้ว่าพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกายของคุณเป็นปกติ หรือตัวเลขบนตราชั่งของคุณอาจลดลงโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน เป็นไปได้ว่าเป็นเพราะต่อมไทรอยด์ได้รับความเสียหายจากโรคแพ้ภูมิตัวเอง

11.ผิวหรือตาเหลือง

โรคดีซ่าน อาจมาจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังโจมตีและทำลายเซลล์ตับที่แข็งแรง นำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า โรคตับอักเสบจากภูมิต้านทานตนเอง

เคล็ดลับเพื่อสุขภาพที่ดี

ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอสามารถหันมาดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง เพื่อโอกาสในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้ ด้วยวิธีต่อไปนี้

1.สุขอนามัยที่ดี

วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอในการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง คือการรักษาสุขอนามัยที่ดี ซึ่งรวมถึงการล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคที่มาจากการสัมผัส

2.หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ที่มีอาการป่วย

ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่เป็นหวัด หรือติดเชื้ออื่น ๆ เพราะไวรัสและโรคติดเชื้ออื่น ๆ สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิด นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายในในอากาศเมื่อไอหรือจามได้

3.ฆ่าเชื้อสิ่งของในครัวเรือน

เชื้อโรคที่อาจก่อให้เกิดโรคสามารถอาศัยอยู่บนพื้นผิว และสิ่งของบางอย่างในบ้าน เช่น ลูกบิดประตู คุณสามารถลดจำนวนเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และสิ่งของเหล่านี้ได้โดยการฆ่าเชื้อเป็นประจำ

4.จัดการความเครียด

ความเครียดอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและทำให้คนป่วยได้ง่ายขึ้น งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าบุคคลที่มีความเครียดมากเกินไปมีแนวโน้มที่จะป่วยได้ง่าย ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอจึงควรหาทางขจัดความเครียด

5.นอนหลับให้เพียงพอ

จากการวิจัยพบว่าการอดนอนมีผลกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเช่นเดียวกับความเครียด เพราะการอดนอนจะรบกวนการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

6.ทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้น สำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ แพทย์มักแนะนำให้รับประทานอาหารที่อุดมด้วยผักและผลไม้ ซึ่งจะให้สารอาหารมากมาย

7.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ร่างกายแข็งแรง และนอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว การออกกำลังกายยังทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ช่วยลดระดับความเครียดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรระวังอย่าฝืนตัวเองมากเกินไป เพราะจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงไปอีก ควรออกกำลังกายเบา ๆ เท่านั้น

หากคุณพบว่าตัวเองมักป่วยง่าย และรู้สึกอ่อนเพลียบ่อยครั้ง คุณอาจเป็นหนึ่งคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อย่าละเลยการไปพบแพทย์รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจเช็กปัจจัยเสี่ยงของโรคต่าง ๆ และทำการรักษาอย่างทันท่วงที

ที่มา medicalnewstoday , webmd

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส