เป็นเรื่องธรรมชาติของทุกคนที่ครั้งหนึ่งอาจเกิดความรู้สึกปั่นป่วน มีความเครียดเรื้อรัง และเกิดความเหนื่อยล้า ซึ่งนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณต้องจัดเวลาให้กับตัวเองเพื่อทบทวนสิ่งต่าง ๆ และปล่อยความคิดให้อิสระ
จริงอยู่ว่าการอยู่คนเดียวบางครั้งอาจทำให้หลายคนรู้สึกเหงา แต่ขณะเดียวกันการอยู่คนเดียวก็มีข้อดี เพราะการใช้เวลาตามลำพังเป็นวิธีที่ดีในการเติมพลัง ลดความเครียด และฟื้นฟูตัวเอง ที่สำคัญการมีเวลาให้กับตัวเองยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของคุณด้วย
เมื่อคุณตระหนักถึงสัญญาณของความเครียดที่เกิดจากการไม่มีเวลาให้ตัวเองได้อยู่ลำพัง คุณควรกำหนดเวลาให้ตัวเอง และนำสมดุลเวลากลับสู่ชีวิตของคุณอีกครั้งได้
สัญญาณที่บอกว่าคุณควรให้เวลากับตัวเองบ้าง
1. หงุดหงิดง่าย
หากคุณรู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดง่าย กระสับกระส่าย และโกรธกับสิ่งที่มักไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากคุณอารมณ์เสียกับสิ่งต่าง ๆ เกือบทั้งหมด หรือพบว่าตัวเองหงุดหงิดกับทุกสิ่งที่เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือคนรักพูด คุณควรที่จะให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อนบ้าง
2. เหนื่อยหรือท้อ
แม้ว่าคุณจะนอนหลับเต็มอิ่มแต่คุณก็อาจจะไม่ได้พักผ่อนทั้งกายและใจมากเท่าที่คุณต้องการ การอยู่คนเดียวสามารถสงบจิตใจ ให้คุณมีเวลาคิดใคร่ครวญ และแยกคุณออกจากสิ่งที่กำลังดูดพลังงานในทุก ๆ วัน
3. สิ่งต่าง ๆ ดูไม่สนุกสำหรับคุณอีกต่อไป
ทุกอย่างรู้สึกน่าเบื่อมากเกินที่จะรับมือ คุณอาจให้เวลาตัวเองกับคนอื่นมากเกินไป ทำให้คุณไม่มีที่ว่างให้เพลิดเพลินไปกับสิ่งที่ตัวเองสนใจจริง ๆ หรือสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่
4. คุณรีบร้อนตลอดเวลา
หากคุณกำลังเร่งรีบจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สมองของคุณแทบไม่มีเวลาหยุดทำงาน ไม่ว่าคุณจะพยายามตอบสนองความคาดหวังของคนอื่นหรือความคาดหวังของตัวเองก็ตาม ดังนั้น สมองและร่างกายของคุณจำเป็นต้องได้รับการพักผ่อน
5. เครียดมากขึ้น
ระดับความเครียดของคุณดูเหมือนไม่เคยลดลงเลย อีกทั้งความเครียดเรื้อรังมีส่วนทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ภาวะดื้อต่ออินซูลิน สุขภาพจิตไม่ดี และสภาวะอื่น ๆ อีกมากมาย
จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณไม่ให้เวลากับตัวเอง
การไม่มีเวลาอยู่กับตัวเอง เป็นการเปิดประตูรับผลกระทบจากความเครียดในระยะยาวที่บั่นทอนสุขภาพของคุณ ความวิตกกังวลและความซึมเศร้าสามารถครอบงำได้ เมื่อสุขภาพจิตของคุณแย่ลง สุขภาพร่างกายของคุณก็จะแย่ตามมา อีกทั้งความเครียดยังเป็นปัจจัยหนึ่งของโรคตั้งแต่ โรคผิวหนัง ไปจนถึงโรคหัวใจ
การไม่มีเวลาอยู่คนเดียวตามลำพังอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของคุณเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในขณะเดียวกันความคิดสร้างสรรค์ก็ต้องอาศัยความสมดุลของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม โดยที่คุณอาจได้รับแรงบันดาลใจจากผู้อื่น และควรต้องมีเวลาอยู่กับตัวเองตามลำพังเพื่อพัฒนาความรู้สึกและปลดปล่อยจินตนาการของตัวเอง
เหตุผลที่คุณควรใช้เวลาอยู่คนเดียวให้มากขึ้น
การให้เวลาตัวเองได้อยู่คนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องเสียเวลา มีงานวิจัยมากมายที่กล่าวถึงประโยชน์ของการใช้เวลากับตัวเองลำพัง เช่น
1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
แม้ว่าออฟฟิศหลายแห่งจะเริ่มสร้างแผนผังพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้ทุกคนสามารถสื่อสารได้ง่ายขึ้น แต่ผลการศึกษาพบว่าการถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ผู้คนจะทำงานได้ดีขึ้นเมื่อมีความเป็นส่วนตัว
2. จุดประกายความคิดสร้างสรรค์
มีเหตุผลที่นักเขียนหรือศิลปินจำนวนมากอยากไปทำงานในสถานที่ธรรมชาติ หรือสตูดิโอส่วนตัว เพราะการอยู่คนเดียวกับการใช้ความคิดจะทำให้สมองมีโอกาสได้พัฒนา ซึ่งจะช่วยให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
3. การอยู่คนเดียวสามารถช่วยสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจได้
มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราที่จะต้องมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้อื่น แต่ความสันโดษก็อาจมีความสำคัญไม่แพ้กัน การศึกษาพบว่าการใช้เวลาตามลำพังนั้นเชื่อมโยงกับความสุขที่เพิ่มขึ้น ความพึงพอใจในชีวิตที่ดีขึ้น และการจัดการความเครียดที่ดีขึ้น
4. การอยู่คนเดียวทำให้คุณมีโอกาสวางแผนชีวิต
คนส่วนใหญ่ใช้เวลาในการวางแผนงานแต่งงาน และวันหยุดพักผ่อน แต่ไม่เคยวางแผนว่าจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด การใช้เวลาตามลำพังจะให้โอกาสคุณได้คิดทบทวนความต้องการต่าง ๆ ในชีวิตของตัวเองมากขึ้น พื้นที่เงียบสงบจะเปิดโอกาสให้คุณคิดถึงเป้าหมาย ความก้าวหน้า และการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการทำในชีวิต
5. ความสันโดษช่วยให้คุณรู้จักตัวเอง
การอยู่คนเดียวช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจกับตัวเองมากขึ้น เมื่อคุณอยู่ตามลำพังคุณจะสามารถตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ได้โดยปราศจากอิทธิพลจากภายนอก และนั่นจะช่วยให้คุณพัฒนาและเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรมากขึ้น
กิจกรรมที่ควรทำเมื่ออยู่คนเดียว
การอยู่คนเดียวไม่ได้มีกฎเกณฑ์ว่าคุณจะทำอะไรต่อจากนั้น ไม่ผิดหากคุณไม่อยากดูทีวี ไม่ผิดหากคุณไม่อยากอ่านหนังสือ เพราะในความเป็นจริง คนที่ใช้เวลา 15 นาทีต่อวัน โดยไม่มีอะไรทำแบบเฉพาะเจาะจง หรือการอยู่เฉย ๆ แบบไม่ทำอะไรเลย มีส่วนช่วยให้ความผันผวนทางอารมณ์น้อยลง
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าผู้คนได้รับประโยชน์จากการไม่เล่นโซเชียลมีเดียเป็นครั้งคราว โซเชียลมีเดียช่วยให้คุณเชื่อมต่อถึงกันและรับรู้ถึงความกดดันบางอย่างจากสังคม ลองพักจากการเลื่อนดูโซเชียลมีเดียสัก 2 – 3 ชั่วโมง โดยเลือกทำกิจกรรมที่คุณรู้สึกผ่อนคลาย เช่น
- อ่านหนังสือ
- นั่งสมาธิ
- ใช้เวลาทำงานอดิเรก
- เดินเล่น
- ไปเดินป่า
- นั่งเงียบ ๆ และฟังเพลง
- ทำงานที่คิดจะทำมานาน เช่น ทำความสะอาดลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้าให้สำเร็จ
- ลอยตัวอยู่ในสระน้ำ
- นอนอยู่บนเตียง
เป้าหมายของการอยู่คนเดียวคือทำให้จิตใจและร่างกายสงบ หากกิจกรรมที่คุณเลือกทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้น ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ
การไม่มีเวลาอยู่คนเดียวอาจทำให้รู้สึกหงุดหงิด เครียด หรือโกรธได้ เมื่อคุณเริ่มรู้สึกเช่นนั้นลองหยุดกิจวัตรประจำวันของคุณชั่วคราว และใช้เวลากับตัวเองสักครู่เพื่อหายใจและเติมพลังอีกครั้ง
สำหรับหลาย ๆ คน การใช้เวลาตามลำพังเป็นโอกาสอันดีสำหรับการไตร่ตรองตัวเอง และค้นพบตัวเอง นอกจากนี้ ยังสามารถทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าด้วยการปรับสมดุลอารมณ์และปล่อยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย การปฏิบัตินี้ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงความเป็นอยู่ของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นอีกด้วย
ที่มา psychcentral , forbes
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส