หนึ่งในปัญหาโลกแตกที่หลาย ๆ คนอาจมองว่าเป็นสิ่งลี้ลับอีกสิ่งหนึ่งของโลก นั่นก็คือปัญหาที่ว่า ทำไมผู้หญิงถึงมักจะปากไม่ตรงกับใจ ซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ทำให้ความรักเกิดรอยร้าว และยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ชายอีกด้วย โดยผู้ชายได้รับผลกระทบทางใจมากกว่าผู้หญิง จากการมีความสัมพันธ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ คาดเดาใจไม่ได้ การศึกษาพบว่าผู้ชายรับมือกับความเครียดจากความสัมพันธ์ได้ยากกว่าผู้หญิง ซึ่งวันนี้เราก็มีข้อมูลที่น่าสนใจ และวิธีการแก้ไขเรื่องนี้มาแนะนำกัน 

ปากไม่ตรงกับใจ คือการแสดงออกของกลไก Reaction Formation   

กลไก Reaction Formation  คือ กลไกป้องกันตัว ที่ทำให้ผู้คนมีการแสดงออก ในด้านของพฤติกรรมและคำพูด ตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง ซึ่งบางครั้งก็อาจเกินเลยไปจนทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายที่รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกข่มความเป็นชาย ก็อาจแสดงท่าทีก้าวร้าวมากเกินไป เป็นต้น  

แนวคิดของกลไก Reaction Formation ได้รับการพัฒนามาจาก Sigmund Freud และ Anna Freud ลูกสาวของเขา โดยเป็นการนำเสนอแนวคิดในการกลไกการป้องกันตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นกลไกที่จะเกิดขึ้นมา ใช้เพื่อในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น 

เพราะ “ไม่สบายใจ” จึงเกิด กลไก Reaction Formation   

กลไก Reaction Formation เป็นกลไกป้องกันตัวทางจิตวิทยา ที่จะมีการแสดงพฤติกรรมที่ตรงข้ามกับความรู้สึก หรือความปรารถนาที่แท้จริง กลไกการป้องกันตัวนี้จะเกิดขึ้น เมื่อเกิดความรู้สึกไม่สบายหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับอารมณ์ที่แท้จริงของตน เอง ดังนั้นจึงมีการแสดงพฤติกรรมที่เป็นขั้วตรงข้ามออกมา เพื่อป้องกันความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง 

โดยพื้นฐานแล้ว การเกิด กลไก Reaction Formation จัดเป็นวิธีการจัดการความขัดแย้งภายในใจ โดยการนำเสนออารมณ์ คำพูด หรือการกระทำ ที่ขัดแย้งกับอารมณ์ภายในของตนเอง ซึ่งสามารถนำไปสู่พฤติกรรมที่ดูโอเวอร์เกินจริง หรือมีการคิดบวกมากเกินไป เพื่อปกปิดความรู้สึกด้านลบที่เกิดขึ้น

ยกตัวอย่างการเกิด กลไก Reaction Formation

ยกตัวอย่างเช่น นาย A รู้สึกไม่ชอบหรือรู้สึกโกรธนาย B เพื่อนร่วมงานมาก ๆ แต่ไม่รู้จะจัดการอารมณ์ยังไง เลยปกป้องตัวเองด้วยการเข้าไปตีซี้กับนาย B แบบออกหน้าออกตามากจนเกินไป หรือในทำนองเดียวกัน นาย C ได้ไปแอบชอบผู้หญิงคนนึง แต่ลึก ๆ แล้วก็กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ชอบตัวเองตอบ เลยมีการแสดงความเกลียดชังหรือแสดงความเป็นศัตรูอย่างรุนแรง เพื่อระงับหรือปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงที่มี 

หรือผู้หญิงที่เป็นแฟนกับผู้ชาย และมักจะแสดงท่าทีปากไม่ตรงกับใจ มีการประชดประชันต่าง ๆ ก็เพราะแท้จริงแล้วในใจลึก ๆของผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าตนเองกำลังไม่ได้รับความสนใจ หรือไม่ได้รับความรักอย่างเต็มที่ มีความกังวลในเรื่องของความสัมพันธ์จึงแสดงกลไกนี้ออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง 

กลไก Reaction Formation ทำหน้าที่ปกป้องความรู้สึกไม่สบายหรือความวิตกกังวล

การก่อตัวของปฏิกิริยาปากไม่ตรงกับใจนี้ มักทำหน้าที่เป็นกลไกป้องกัน เพื่อปกป้องอัตตาจากความรู้สึกไม่สบายใจ หรือความวิตกกังวล อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือคุณต้องสังเกตว่าการพึ่งพากลไกการป้องกันตัวในรูปแบบนี้มากเกินไป จะไปขัดขวางการแสดงออกทางอารมณ์ที่แท้จริง และก่อให้เกิดความไม่เข้าใจกับบุคคลอื่น จนทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

นอกจากนี้พฤติกรรมและจิตวิทยาของมนุษย์นั้น มีความซับซ้อนมาก และกลไก Reaction Formation อาจอธิบายการกระที่เกิดขึ้นได้ไม่ครบถ้วน การก่อตัวของปฏิกิริยาปากไม่ตรงกับใจ เป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ กลไกที่มนุษย์ใช้เพื่อรับมือกับความขัดแย้งภายในหรืออารมณ์ที่ไม่สบายใจเท่านั้น 

กลไก Reaction Formation สามารถส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้หรือไม่?

สามารถส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้อย่างแน่นอน เพราะจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจ และทำให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกและอารมณ์ของอีกฝ่าย และอาจนำไปสู่การเลิกรา โต้เถียง หรือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด อาจทำให้เกิดอารมณ์ที่รุนแรง และก่อให้เกิดการทำร้ายร่างกายของกันและกัน และสัญญาณการเกิดกลไก Reaction Formation ในเด็ก สามารถสังเกตได้จาก เด็กมีการหยอกล้อกัน มีการดึงผมของเด็กอีกคน หรือแสดงการเรียกร้องความสนใจอื่น ๆ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเด็กที่กระทำการเรียกร้องความสนใจ มีความชอบพอในตัวเด็กที่ตนเองได้แกล้ง แต่แน่นอนคงไม่มีใครที่ชอบถูกแกล้งหรอก และก็จะทำให้เด็กที่แกล้งรู้สึกไม่ดีกับคนที่มาแกล้งตัวเองไปโดยปริยาย

วิธีแก้ไขอาการปากอย่างใจอย่าง

ถึงแม้ว่ากลไกนี้ จะเป็นกลไกป้องกันตัวอย่างหนึ่งแต่คุณก็สามารถปิดสวิตช์การทำงานได้ และเริ่มใช้วิธีที่ตรงไปตรงมามากขึ้นซึ่งจะทำให้คุณนั้นเกิดการยอมรับตัวเอง และสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างตรงไปตรงมา ช่วยแก้ปัญหารอยร้าวของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นได้

  • ความถูกต้อง: แสดงออกถึงความจริงใจและความตั้งใจของคุณ คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะตอบสนองในเชิงบวกเมื่อพวกเขารู้สึกถึงความซื่อสัตย์ และความจริงใจ ที่คนมอบให้ คิดอย่างไรให้พูดอย่างตรงไปตรงมา 
  • การเอาใจใส่: พยายามทำความเข้าใจกับความรู้สึกของบุคคลที่คุณคุยด้วย และมีการสื่อสารที่ชัดเจน ด้วยการพูดคุยหรือแสดงความตั้งใจของคุณอย่างชัดเจน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความเข้าใจผิด และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้
  • การฟัง: นอกเหนือไปจากการพูดคุย แสดงความรู้สึกอย่างจริงใจแล้ว การเปิดใจรับฟังก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญเช่นกัน เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณเข้าใจมุมมองของผู้อื่น และมีความเข้าใจที่ลึกซึ่งยิ่งขึ้น 

สรุปแล้ว ถึงแม้ว่าอาการปากอย่าง ใจอย่าง จะเป็นกลไกป้องกันตัวเองอย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นกลไกที่สามารถสร้างผลกระทบและรอยร้าวให้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ได้ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในรูปแบบคู่รัก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการพยายามปิดสวิตช์กลไกนี้และยืนหยัดกับความตรงไปตรงมา แสดงความจริงใจ คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น แต่ก็ต้องแสดงออกด้วยความสุภาพ ใช้สติ ไม่ใช้อารมณ์ และอีกฝ่ายก็จะต้องมีการเปิดใจรับฟังอย่างเต็มที่ ซึ่งก็จะช่วยเป็นกาวที่เข้ามาประสานรอยร้าว ทำให้ความรักนั้นมีความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น และลดความกังวลลดความกลัวที่เกิดขึ้นไปได้ 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ OOCA (อูก้า) ปรึกษาปัญหาใจ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส