ความตายเป็นสิ่งไม่น่าอภิรมย์สำหรับสิ่งมีชีวิต ไม่ว่ามนุษย์ หรือสัตว์ ความตายถูกตราว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทุกข์ทรมาน และสิ่งอัปมงคล มนุษย์รู้จักกับความตายมาราว 3 แสนปี เราวิวัฒนาการร่างกาย และสมองเพื่อเอาชนะสภาพแวดล้อมอันทรหด จากมนุษย์วานรสู่นักบินอวกาศ สิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่ไม่เคยวิวัฒนาการภูมิต้านทานทางจิตใจต่อความตาย

มนุษย์พยายามสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองด้วยศาสนา ปรัชญา และความเชื่อ เช่น ความตายเป็นเพียงประตูบานใหญ่ของดินแดนชั่วนิรันดร์ ความตายคือความสงบ ความตายยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้ผู้คนเชื่อฟัง และทำตามกฎเกณฑ์ของสังคม ในอดีตผู้มีอำนาจสามารถมอบความตายให้กับคนชั่ว หรือคนที่ไม่เชื่อฟังในฐานะบทลงโทษสูงสุด

แต่ไม่ว่ามนุษย์จะวางแผนรับมือหรือใช้ความตายเป็นเครื่องมืออย่างไรก็ดูเหมือนว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถคุ้นเคยกับปลายทางที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนี้ได้เสียที ความตายนำมาซึ่งความโศกเศร้าในระดับที่ต่างกันไป บางคนเศร้าจนถึงขั้นจบชีวิตตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยความเชื่อที่ว่าจะได้ไปอยู่ด้วยกันในโลกหลังความตาย หรือเพราะไม่สามารถรับมือกับความเจ็บปวดอันแสนสาหัสจากการสูญเสียนั้นได้

แม้ว่าคนตาย ตายแล้ว ตายเลย แต่ความพรั่นพรึงในช่วงที่ก่อนจะตายดูจะเป็นเรื่องที่รับมือได้ยากที่สุด อย่างชายหนุ่มอายุ 25 ปีกับความฝันที่จะมีครอบครัวที่มีความสุข แต่ตรวจพบโรคมะเร็งระยะสุดท้าย อยู่ได้อีก 6 เดือน ชีวิตจริงที่เพิ่งเริ่มต้นกำลังจะจบลงใน 6 เดือน สามารถทำให้เกิดความสิ้นหวัง และความทุกข์ยากเกินจินตนาการ

ในขณะเดียวกัน พ่อแม่ เพื่อน หรือแฟนสาวของหนุ่มคนนั้นก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน คนทั้งหมดนี้ต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือกับความตายของชายหนุ่มภายใน 6 เดือน ซึ่งไม่รู้ว่าเพียงพอไหม ยังไม่รวมถึงเคสที่เสียชีวิตแบบไม่ทันได้ดูใจ เพราะเหตุผลเหล่านี้ การเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความตายจึงเป็นเรื่องที่มนุษย์ควรทำให้เร็วที่สุดเมื่อตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของความตายที่จะเกิดขึ้นในวันหนึ่งเพื่อลดผลกระทบด้านจิตใจของคนที่กำลังจะตาย และคนที่ต้องอยู่ต่อไป

ความรู้สึกที่พบเจอเมื่อต้องเผชิญกับความตาย

มนุษย์ตอบสนองต่อความตายอย่างรุนแรงในแบบที่เหมือนและต่างกัน เช่น

  • ความเศร้า และสิ้นหวัง อารมณ์พื้นฐานเมื่อต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้าย อย่างความตาย และอาจเป็นผลลัพธ์ของอารมณ์ทางลบหลายอารมณ์
  • ความกลัว เช่น กลัวความเจ็บปวด กลัวความสูญเสีย หรือกลัวการถูกพิพากษาในชีวิตหลังความตาย
  • ความโกรธ หรือความรู้สึกต้องการโทษสิ่งต่าง ๆ เช่น โกรธว่าทำไมต้องเป็นตัวเอง โทษโรค โทษร่างกาย โทษคนอื่นที่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความตาย หรือโกรธที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย
  • รู้สึกผิด และเสียดาย อย่างรู้สึกผิดที่เคยทำไม่ดีกับคนใกล้ตัว รู้สึกผิดที่ไม่ดูแลตัวเอง หรือรู้สึกที่ไม่ได้สิ่งที่อยากทำ
  • ความกังวล เช่น พ่อแม่พี่น้องจะอยู่อย่างไร จะเอาเงินที่ไหนมารักษาในช่วงที่ต้องอยู่ต่อไป
  • ความโดดเดี่ยวต่อความตายที่เป็นการเดินทางด้วยตัวเองแบบเที่ยวเดียว คนเดียว

วิธีเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับความตาย

เราสามารถรับมือกับความตายได้หลายวิธีด้วยกัน

1. ทำความรู้จักกับความตายให้มากขึ้น

ความตายมักถูกตราว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย แปลกแยก ทั้งถูกใช้เป็นบทลงโทษที่แสนน่ากลัว ถูกพร่ำบอกภายใต้คอนเซ็ปต์ของบาปบุญคุณโทษ ทั้งที่ความจริงความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นธรรมชาติ และเป็นปลายทางที่สิ่งมีชีวิตต้องพบเจอ ไม่ต่างอะไรจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งความตายอาจง่าย และเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ

ซึ่งเราทำความคุ้นเคยกับความตายได้หลายวิธี

  • ตั้งคำถาม และทบทวนว่าทำไมความตายถึงน่ากลัว
  • อ่านปรัชญาเกี่ยวกับชีวิต และความตายในหลาย ๆ รูปแบบ
  • ศึกษาคำสอนทางศาสนา

2. พูดถึงความตายราวกับมันจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้

ความตายกับเรื่องเซ็กส์ ดูจะเป็นเรื่องต้องห้ามที่ห้ามพูดถึงในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เพราะผู้คนผูกโยงเซ็กส์กับเรื่องศีลธรรม บอกว่าความตายเป็นสิ่งอัปมงคล และลางร้าย ทั้งที่จริงแล้ว มันจะเกิดขึ้นกับเราทุกคน การพูดถึงความตายอย่างตรงไปตรงมาอย่างมีสติบนโต๊ะอาหารเมื่อมีโอกาส กับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการตายที่ปรารถนาหากเลือกได้ พิธีศพ ชีวิตหลังความตายอาจช่วยให้เราคุ้นเคยกับความตาย การสูญเสีย และช่วยให้เรารับมือกับมันได้ง่ายขึ้น และอาจทำให้มันดูน่ากลัวน้อยลง

3. เตรียมตัวที่จะตายอย่างรอบคอบ และมีแบบแผน

ข้อนี้ไม่ได้จะบอกให้คุณวางแผนว่าจะตายอย่างไร แต่หมายถึงว่าให้คุณเตรียมตัวของคุณเองให้พร้อมที่จะเจอกับความตายเสมอ เช่น การเขียนพินัยกรรม การซื้อประกันชีวิต หรือการเตรียมเอกสารราชการที่จะช่วยให้คนต้องรับมือกับความตายของคุณไม่ต้องยุ่งยาก และมีต้นทุนหรือหลักประกันในการใช้ชีวิตต่อไป

4. ดีไซน์ฉากสุดท้ายของชีวิตตั้งแต่วันนี้

ความตายเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ไม่ใช่เรื่องของคนแก่ หรือคนป่วย เราสามารถตายได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยซ้ำ แต่การใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ และมีสติอาจช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณดีไซน์ความตายของตัวเองได้ อย่างการใช้ชีวิตอย่างมีสติเพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ การดูแลสุขภาพให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังที่น่ากลัว ไม่มีอะไรสามารถการันตีรูปแบบการตายหรือโรคที่จะเกิดได้ แต่อย่างน้อยคุณก็มีโอกาสที่เลือกวิธีรับมือกับความตายได้บ้าง

ประโยชน์ของการเตรียมตัวรับมือกับความตาย

การเตรียมตัวเตรียมใจเพื่อรับมือกับความตายดีต่อทั้งตัวคนที่จะตาย และคนรอบตัวในหลายมิติ เช่น

  • ช่วยให้คนกล้าออกถึงแสดงความในใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความไม่พึงพอใจ หรือความต้องการ เพราะจะช่วยให้เกิดความเข้าอกเข้าใจในกันและกัน และส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ และช่วยให้ไม่รู้สึกเสียดาย หรือติดค้างเมื่อถึงวันที่ต้องลาโลกนี้ไป
  • ช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์ คุณไม่จำเป็นต้องเอาชนะความกลัวจากการตาย แต่การคุ้นเคย และเข้าใจมันมากขึ้นช่วยให้คุณเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้ และเพิ่มภูมิต้านทานต่อเหตุการณ์ไม่ดีอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตได้ดีขึ้น
  • ช่วยให้เห็นคุณค่าของชีวิต และมีความสุขได้เต็มที่มากขึ้น เมื่อตระหนักได้แล้วว่าความตายเป็นปลายทางที่คนทุกคนกำลังเดินทางไป บางคนวิ่ง บางคนเดิน สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้ว่าทุกช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นดีงาม และมีคุณค่ามากแค่ไหน ซึ่งช่วยให้คุณกล้าที่เปิดรับทุกความสุขที่เข้ามามากขึ้น
  • ช่วยให้คนที่ยังอยู่ไม่ลำบากเกินไป ในโลกยุคปัจจุบัน การตายนั้นมีต้นทุน อย่างค่าใช้จ่ายในพิธีศพ หรือคนที่ตายอาจเป็นเสาหลักของครอบครัว การเตรียมตัวเรื่องประกัน เงินเก็บ พินัยกรรมสามารถช่วยให้ชีวิตของคนที่มีชีวิตอยู่ไม่ยุ่งเหยิงมากนัก

มาถึงตรงนี้ เราน่าจะรู้จัก และคุ้นเคยกับความตายกันมากขึ้นแล้ว หากลองคิดดู เราเห็นความตายอยู่ทุกวันตามข่าวบนฟีดเฟซบุ๊ก บนหน้าหนังสือพิมพ์ เพียงแต่เราไม่เคยพิจารณามันอย่างลึกซึ้งตรงไปตรงมาเท่านั้นเอง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส