“สถานการณ์สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยวัยรุ่นร้อยละ 17.6 เคยมีความคิดทำร้ายตัวเอง และเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีกว่า 3.6 แสนคน เสี่ยงซึมเศร้าถึงร้อยละ 10.86”
ข้อมูลกรมสุขภาพจิตในปี 2565 พบว่า วัยรุ่นอายุ 10-19 ปี ประมาณ 1 ใน 7 คน และเด็กอายุ 5-9 ปี ประมาณ 1 ใน 14 คน มีความผิดปกติทางจิตประสาทและอารมณ์ โดยวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี ร้อยละ 17.6 เคยมีความคิดทำร้ายตนเอง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของวัยรุ่น นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการกลั่นแกล้งรังแกกัน ปัญหาความรุนแรง การถูกทอดทิ้ง หรือการถูกทารุณกรรม ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตมากขึ้น
จากการสำรวจข้อมูลกลุ่มเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 360,069 ราย ของกรมสุขภาพจิต ผ่านแอปพลิเคชัน Mental Health Check-in ระหว่างวันที่ 12 ก.พ. 65 – 27 ก.พ. 67 ยังพบว่า เด็กและวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าถึง 39,105 ราย คิดเป็นร้อยละ 10.86 และเสี่ยงฆ่าตัวตาย จำนวน 65,951 ราย คิดเป็นร้อยละ 19.12
พฤติกรรมการทำร้ายตนเองของวัยรุ่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม และเป็นปัญหาที่ควรได้รับการเยียวยาแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะความเข้าใจจากคนในครอบครัว
เข้าใจพฤติกรรมทำร้ายตนเองในวัยรุ่น
ผู้ปกครองหลายคนมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำร้ายตนเองของลูกหลาน ไม่ว่าจะเป็น ความเชื่อที่ว่าคนที่ทำร้ายตนเองนั้น ทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือเขาเหล่านั้นเป็นคนบ้าหรือวิกลจริต รวมไปถึงคิดว่าเขาทำร้ายตัวเองเพราะอยากฆ่าตัวตายจริง ๆ
จริง ๆ แล้ว “พฤติกรรมทำร้ายตนเอง” เป็นวิธีจัดการกับปัญหาที่วัยรุ่นบางคนเลือกใช้ ซึ่งการทำร้ายตัวเองส่วนใหญ่ทำไปเพื่อระบายหรือหาทางออกให้กับความรู้สึกที่เจ็บปวดหรือทุกข์ทรมานมาก ๆ โดยวิธีทำร้ายตนเองของวัยรุ่นที่พบบ่อย ได้แก่
- การกรีดหรือข่วนผิวหนัง
- การเผาหรือลวกด้วยน้ำร้อน
- การตีหรือทุบศีรษะ
- การชกหรือชนกับกำแพงหรือวัตถุแข็ง
- การดื่มหรือกินสารพิษ
สังเกตสัญญาณทำร้ายตนเอง
สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้แนะแนวทางการสังเกตปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่นไว้ดังนี้
- ความผิดปกติด้านการกิน/การนอน : มีพฤติกรรมการกินและนอนที่มากขึ้นหรือน้อยลงจนผิดปกติไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
- หงุดหงิดง่ายหรือซึมเศร้า : มีการแสดงอารมณ์ที่แปรปรวนหรือรุนแรง ผิดปกติไปจากเดิม
- มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม : โดยความผิดปกติทางพฤติกรรมนั้น สามารถแสดงออกได้หลากหลายรูปแบบ
- เก็บตัว หลีกหนีสังคม : เป็นสัญญาณสำคัญที่พ่อแม่และผู้ปกครองควรรีบให้ความช่วยเหลือ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าที่รุนแรงได้
5 สัญญาณเตือนว่าลูกหลานหรือคนในครอบครัวมีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
- มีแผล หรือแผลเป็นจากการกรีด มีรอยช้ำ หรือแผลจากการถูกเผา โดยเฉพาะที่ข้อมือและแขน
- มีรอยเปื้อนเลือดบนเสื้อผ้า ผ้าขนหนู ทิชชู หรือบนเตียงนอน
- พบวัตถุแหลมคม เช่น ใบมีด มีด เข็ม เศษแก้ว รวมอยู่ในของใช้ส่วนตัว
- มักปกปิดผิวหนัง เช่น ใส่เสื้อแขนยาว หรือกางเกงขายาว แม้ในขณะที่มีอากาศร้อน
- แยกตัวอยู่คนเดียวนาน ๆ หรือหงุดหงิดง่าย
ปัญหาสุขภาพจิตนั้น เกิดขึ้นได้กับทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็ก โดยหากพ่อแม่หรือผู้ปกครองไม่ทันสังเกตให้ดี ว่าเขากำลังประสบกับปัญหาทางสุขภาพจิตที่มากกว่าแค่อาการดื้อหรืออารมณ์ขึ้นลงตามปกติ ก็อาจจะนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงได้
ป้องกันปัญหาทำร้ายตนเอง
4 แนวทางในการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและพฤติกรรมการทำร้ายตนเองในเด็กและวัยรุ่น ที่แนะนำโดย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
- สร้างความเชื่อใจ : เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกหลานกล้าพูดคุย หรือบอกสิ่งต่าง ๆ อย่างเปิดเผย รวมไปถึงการขอความช่วยเหลือเมื่อรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย
- ปลูกฝังทัศนคติเชิงบวก : ไม่เปรียบเทียบลูกหลานกับคนอื่น รู้จักชื่นชมเมื่อเขาทำได้ดีแม้ในเรื่องเล็กน้อย และการแสดงความรักต่อกันอย่างสม่ำเสมอ
- สอนให้รู้จักรับมือกับความเครียด : ให้เด็กได้รู้จักอารมณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงการแสดงออกและการจัดการอารมณ์ของตนเอง
- ทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ภายในครอบครัว : เพราะความสัมพันธ์ที่ดีเริ่มต้นจากการมีเวลาให้กันเสมอ
ความรัก ความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจภายในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงวัยรุ่นทำร้ายตัวเอง พ่อแม่และผู้ปกครองจึงควรให้ความใส่ใจ หมั่นสังเกต คอยพูดคุยสอบถาม และสอดส่องพฤติกรรมโดยเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม เปิดใจรับฟังในทุกปัญหาและทุกเรื่องราวโดยไม่ต่อว่าหรือดุด่า เมื่อวัยรุ่นรู้สึกว่าเขามีครอบครัวเป็นที่พึ่ง โอกาสที่เขาจะทำร้ายตัวเองย่อมลดน้อยลง