ฝีดาษลิง (Monkey pox หรือ Mpox) โรคจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการไข้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ พร้อมกับเกิดตุ่มตามร่างกาย ใบหน้า มือ เท้า อวัยวะเพศ และส่วนอื่น ๆ ซึ่งสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ผ่านการสัมผัสทางผิวหนังอย่างใกล้ชิด อย่างการกอด จูบ หรือมีเพศสัมพันธ์ โดยจะส่งต่อเชื้อตลอดจนกว่าตุ่มที่ผิวหนังจะแห้ง ตกสะเก็ด และหลุดออก

โรคฝีดาษลิงส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง และสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพของคนที่ได้รับเชื้อ อย่างผู้สูงอายุ เด็ก และคนที่มีโรคประจำตัว รวมถึงสายพันธุ์ที่ได้รับด้วย ปัจจุบันเชื้อไวรัสฝีดาษลิงมีอยู่ 2 สายพันธุ์ด้วยกัน คือ Clade 1 (เคลด-วัน) และ Clade 2 (เคลด-ทู)ซึ่งมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน

BT Life จะพาคุณมาทำความรู้จักเชื้อฝีดาษลิงทั้ง 2 สายพันธุ์ และวิธีลดความเสี่ยงจากโรคนี้กัน

ความแตกต่างของฝีดาษลิง Clade 1 และ Clade 2

เชื้อฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1

สายพันธุ์ Clade 1 เป็นเชื้อไวรัสฝีดาษลิงที่มาจากภูมิภาคแอฟริกากลาง มีจุดศูนย์กลางการระบาดอยู่ที่ประเทศคองโก สายพันธุ์นี้มีลักษณะเด่น คือ

  • ทำให้เกิดอาการที่รุนแรง
  • มีอัตราการเสียชีวิตราว 1-10 เปอร์เซ็นต์
  • สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้มากกว่า

ส่วนสายพันธุ์ Clade 1b ที่มีตัวอักษร b ต่อท้าย เป็นตัวระบุสายพันธุ์ย่อยของเชื้อชนิดนี้ โดยอาจมีลักษณะดีเอ็นเอของไวรัสที่ต่างกัน แต่ยังสามารถทำให้เกิดอาการรุนแรง และมีอัตราการติดต่อได้สูงเหมือนกัน

เชื้อฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 2

เชื้อฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 2 มีที่มาจากภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก อย่างประเทศไนจีเรีย และเป็นสายพันธุ์ที่เริ่มแพร่กระจายไปนอกทวีปแอฟริกา โดยมีลักษณะต่างจากสายพันธุ์ Clade 1 ดังนี้

  • ความรุนแรงต่ำกว่า
  • อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า Clade 1 ราว 1-3 เปอร์เซ็นต์
  • อัตราการแพร่เชื้อจากคนสู่คนต่ำกว่า แต่ยังสามารถแพร่กระจายได้อยู่

วิธีลดความเสี่ยงการติดเชื้อฝีดาษลิง

โรคฝีดาษลิงสามารถส่งต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิด อย่างการสัมผัสทางผิวหนัง การจูบ การมีเพศสัมพันธ์ การพูดคุยหรือหายใจใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อ ไปจนถึงการใช้สิ่งของร่วมกัน อย่างผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ

คุณสามารถลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • เลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วย
  • เลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับคนอื่น
  • สวมหน้ากากอนามัย
  • เลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อผ่านการสัมผัส และจูบอยู่

ปัจจุบันมีวัคซีนฝีดาษลิง ซึ่งสามารถฉีดได้ 2 แบบ คือ ฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ราคา 8,500 บาท/เข็ม และฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (Intradermal) 2,200 บาท/เข็ม (อ้างอิงราคาจากสภากาชาดไทย) โดยต้องฉีดต่อกัน 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 28 วัน และเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

นอกจากนี้ ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุ เด็ก คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคประจำตัว