ลูซี ดันแคน พยาบาลจิตเวชสาว วัย 24 ปี เธอประจำอยู่ที่โรงพยาบาล North West Boroughs NHS Trust เธอกำลังขับรถกลับบ้าน หลังเข้ากะทำงานต่อเนื่องมาแล้วถึง 12 ชั่วโมง เหตุเกิดในคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม เวลาประมาณ 19.:45 น. เธอมองเห็นรถ Vauxhall Corsa สีแดงวิ่งสวนทางมา ลูซี่เล่าเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุให้ฟัง
“ฉันเห็นแล้วล่ะว่าเขาขับเป๋เข้ามาในเลนฉัน ช่วงที่ขับสวนกันนั่นล่ะ หน้ารถเขาก็ถูเข้ากับด้านข้างรถฉัน ฉันไม่ได้บาดเจ็บหรอก แค่ตกใจเฉย ๆ เท่านั้น ฉันก็เลยรีบกลับรถ ตอนนั้นก็คิดว่าเขาจะจอดรถมาเจรจากัน แต่เขากลับเคลื่อนรถคลานไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ พอฉันเดินตามไปเขาก็หยุดรถ พอฉันเดินไปถึงตัวรถ ก็พอมองเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนชรา”
ลูซี่เล่าต่อว่าแวบแรกที่เธอเห็นคุณปู่นั้น
“ผมเขาเป็นสีเทาทั้งหัวแล้วก็เหงื่อแตกเต็มตัว สภาพคุณปู่ตอนนั้นดูน่าสงสารมาก ขนาดว่าแค่จะพูดหรือหายใจยังลำบากเลย”
“ขณะที่ยืนมองคุณปู่อยู่นั้น เขาก็คว้าแขนฉันทำให้ฉันต้องโน้มตัวไปหาเขา แล้วเขาก็บอกว่าเขาคิดว่าตัวเองติดไวรัสโคโรนา ฉันมองว่าคุณปู่ตอนนั้นดูท่าทางสับสน เพ้อ แล้วก็สติไม่อยู่กับตัว”
“ฉันเลยบอกคุณปู่ว่าฉันจะเรียกรถพยาบาลดีกว่านะ ฉันกลับไปที่รถตัวเองหยิบหน้ากากอนามัยมาสวม”
จากที่ได้สอบถามคุณปู่ถึงสาเหตุที่ขับรถออกมาคนเดียวในตอนกลางคืนแบบนี้ทำไม
“คุณปู่บอกว่าเขาออกมาหาซื้ออาหารและข้าวของจำเป็น ถ้าไม่ออกมาซื้อเขาคงอดตาย”
ไม่นานนักเจ้าหน้าที่พยาบาลก็มาถึงแล้วรับตัวคุณปู่ไปโรงพยาบาล ลูซี่เปลี่ยนใจไม่กลับบ้านแล้วเพราะเธอเริ่มรู้สึกเป็นห่วงคุณปู่ เลยขับรถเธอตามไปโรงพยาบาลด้วย
เมื่อถึงโรงพยาบาลทีมแพทย์ก็รีบวินิจฉัยอาการคุณปู่ เพราะสภาพคุณปู่ดูน่าเป็นห่วงมากในตอนนั้น หมอบอกว่าปอดของปู่ทำงานเพียงแค่ 50% เท่านั้น ทำให้ลูซี่ยิ่งรู้สึกสงสารและเป็นห่วงคุณปู่มากขึ้น เธอตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ต่ออีก 5 ชั่วโมงแทนที่จะกลับบ้านไปพักผ่อน ทั้งที่ทำงานมาทั้งวันแล้ว
จากที่ได้อยู่กับคุณปู่ทำให้ทราบเรื่องราวของคุณปู่มากขึ้น ปู่เล่าว่าเขาไม่มีครอบครัวที่เขาจะติดต่อได้เลย คุณปู่คิดว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพราะคุณปู่หายใจลำบาก ก็เลยกักตัวตามนโยบายรัฐ กลัวจะไปติดคนอื่นเข้า แต่ปัญหาคือหลังจากกักตัวเองมา 10 วันแล้ว อาหารของคุณปู่ก็หมด
คุณปู่ยังเล่าอีกว่าแกมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง ตอนนี้น่าจะอยู่ที่เมือง Milton Keynes แต่แกกับลูกชายไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแล้ว
“คุณปู่ยังขอร้องฉันด้วยว่าให้พยายามหาทางติดต่อลูกชายให้แกหน่อย ฉันคิดว่าฉันจะพยายามอย่างที่สุดที่จะทำให้คุณลุง”
ลูซี่กล่าว
หลังจากคืนนั้นลูซีก็ยังแวะเวียนไปเยี่ยมคุณปู่อีกหลายครั้ง แม้จะเป็นความสัมพันธ์เพียงระยะสั้น ๆ แต่ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่คุณปู่ได้มีความสุข คุณปู่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้แค่ 2 คืนก็สิ้นใจในเช้าวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม
ในคืนวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม หลังจากลูซีกลับมาบ้านแล้ว เธอฝากข้อความถึงคุณปู่
“ฉันพยายามฝากข้อความไปถึงคุณปู่ แจ้งให้แกทราบว่าฉันเป็นห่วงอยู่นะและถามไถ่อาการของแก แต่พอตอนเช้าฉันก็ได้ข่าวว่าคุณปู่สิ้นใจไปตอนเมื่อเช้ามืด”
“ฉันรู้ว่าคุณปู่แกรู้สึกเอ็นดูฉันมาก แกดูดีใจทุกครั้งที่เห็นฉันไปเยี่ยมและยังคงมาอีกเรื่อย ๆ นัยน์ตาแกดูมีประกายขึ้นมาทุกครั้งที่เห็นฉัน แกจะบีบมือฉันแน่น ทำให้ฉันรู้สึกดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณปู่แม้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ”
ตอนนี้ลูซีก็ต้องประพฤตตัวตามระเบียบนโยบายรัฐ เธอต้องกักตัวเองในบ้าน ห่างจากแม่ น้องชาย และเพื่อนสาวก็ต้องย้ายออกไป
แต่เรื่องราวน่าประทับใจของลูซี ก็ทำให้ผู้คนนับพันที่ได้รับรู้ถึงวีรกรรมที่น่าปลาบปลื้มของเธอ ยกย่องให้เธอเป็น “วีรสตรี” ด้วยน้ำใจที่เธอมีต่อชายชราคนหนึ่งแม้จะอยู่นอกช่วงเวลางาน
ลูซีกล่าวว่าเธอ “ปลื้มปีติ” อย่างมาก ที่ได้รับเสียงชื่นชมตอบรับจากสังคม
“สิ่งที่ผู้คนยกย่องฉันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก ทำเอาฉันร้องไห้เลย”
“แต่ฉันก็คิดนะ ถ้าเป็นใครมาเจอสถานการณ์แบบฉัน ใคร ๆ ก็น่าจะต้องทำเหมือนที่ฉันทำนั่นแหละ”
ไซมอน บาร์เบอร์ Ceo ประจำ North West Boroughs Healthcare กล่าวถึงวีรกรรมของลูซี
“เรื่องราวของลูซีนั้นมันน่าประทับใจมาก ทำเอาผมน้ำตาไหลเลย ผมเองก็ได้คุยกับเธอก่อนหน้านี้ ก็ได้กล่าวขอบคุณเธอไปมากมาย มันเป็นการกระทำที่ดีงามและมันแสดงถึงธาตุแท้ว่าเธอเป็นคนที่มีความห่วงใยผู้อื่น ทั้งผมและพนักงานใน North West Boroughs Healthcare ต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ลูซีมีไหวพริบในการช่วยเหลือผู้อื่นที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เธอเป็นทุกอย่างที่ผมอยากให้พนักงานทุกคนยึดเป็นแบบอย่าง เป็นภาพพจน์ที่ดีมากสำหรับโรงพยาบาล North West Boroughs Healthcare ที่แสดงให้สังคมเห็นในช่วงเวลาลำบากเช่นนี้ เธอคือซูเปอร์สตาร์”
หลังจากพ้นเวลากักตัว ลูซี ดันแคน จะตามหาลูกชายของคุณปู่ตามที่ได้สัญญาไว้