สัปดาห์ที่ผ่านนับเป็นมรสุมของสหรัฐอเมริกาอีกครั้งเมื่อยอดผู้ป่วย Covid-19 ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามียอดผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 3,304,878 ราย เสียชีวิตทั้งสิ้น 135,203 ราย และคาดว่าจะยังคงมีการเพิ่มขึ้นอีก

จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดการถกเถียงกันว่า นี่น่าจะเป็น “การแพร่ระบาดระลอกที่ 2” หรือเป็นเพียงการเพิ่มจำนวนตามปกตินับจากการแพร่ระบาดระลอกแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่จากการที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นมามากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าการแพร่ระบาดจะยังไม่จบลงง่าย ๆ โดยระหว่างวันจันทร์ – ศุกร์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อรายวันกระโดดจาก 30,000 คน พุ่งไปถึง 45,000 คน โดยตอนนี้ Arizona, Florida, Texas และอีกหลายรัฐทางภาคใต้และตะวันตกกำลังเผชิญสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก

ประธานาธิบดี Donald Trump ระบุว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากการตรวจโรคที่มาก ยิ่งตรวจมาก ยิ่งเจอมาก เพราะตรวจดี เลยเจอเยอะ แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น จำนวนของผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเร็วกว่าจำนวนการทดสอบเชื้อ โดยร้อยละของการทดสอบเริ่มสูงกว่ามาตรฐานถึง 20% ในบางรัฐ โดยตัวเลขที่เหมาะสมคือต่ำกว่า 5%

ผลการทดสอบดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงจากช่วงเดือนปลายเดือนพฤษภาคมและต้นเดือนมิถุนายนเป็นอย่างมาก ในช่วงนั้นยอดผู้ติดเชื้อเริ่มลดน้อยลงตามกราฟข้างต้น แล้วก็เริ่มมาสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เกิดอะไรขึ้น?…

คำตอบง่ายมาก เนื่องจาก ‘การ์ดตก’ สหรัฐฯ เริ่มผ่อนข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างเพื่อเปิดทางให้เศรษฐกิจเกิดการพัฒนาต่ออีกครั้ง ทำให้บุคคลทั่วไปกลับไปมีโอกาสที่จะได้เจอกัน โต้ตอบกันมากขึ้น การเว้นระยะห่างทางสังคมหรือ Social Distance ลดลง เนื่องจากความประมาทนั่นเองทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเริ่มกลับมาทะยานสูงขึ้นอีกครั้ง

ภายใต้รัฐบาลของ Donald Trump ดูเหมือนว่าจะสนใจเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าด้านสาธารณสุขแถมยังยกเรื่องของ Covid-19 กลายเป็นประเด็นการเมืองระหว่างก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเมืองระหว่างประเทศกับจีน จึงทำให้การจัดการยากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่อผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนมากต่อต้านการใส่หน้ากาก และมีการแสดงความไม่พอใจกับข้อจำกัดที่เกิดขึ้นด้วย

การสวมหน้ากากกลายเป็นประเด็นทางการเมืองและกลุ่มประชากรปฏิเสธและต่อต้านการสวมหน้ากากรวมถึงข้อควรระวังต่อ Covid-19

อันที่จริง Covid-19 ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการ ‘การ์ดตก’ จะทำให้เกิดผลที่ตามมาร้ายแรงกว่าเดิม จากเหตุการณ์ไข้หวัดใหญ่ระบาดเมื่อปี 1918 รวมถึงการศึกษาและงานวิจัยใหม่ ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การล็อกดาวน์หรือปิดเมืองจะช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ และการผ่อนปรนจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่คำเตือนของผู้เชี่ยวชาญดันถูกเมินซะได้

ตัวอย่างรัฐที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

  • Arizona เพิ่มขึ้น 125%
  • Florida  เพิ่มขึ้น 250%
  • Texas เพิ่มขึ้น 177%
  • Georgia เพิ่มขึ้น 112%
  • Nevada เพิ่มขึ้น 103%
  • Oklahoma เพิ่มขึ้น 212%

และอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อได้อย่างดีคือ ‘สวมหน้ากากอนามัย’ โดยมีผู้เชี่ยวชาญตั้งสมมติฐานบวกกับมีงานวิจัยเบื้องต้นว่าหน้ากากมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาได้ ซึ่งประเทศในแถบเอเชียหลายประเทศก็มีการใช้อย่างแพร่หลาย เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และไทย เป็นต้นจนล่าสุด Donald Trump ที่ต่อต้านการใส่หน้ากากอนามัยมาโดยตลอดก็หันมาสวมตอนออกปฏิบัติภารกิจด้วยเช่นเดียวกัน

ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ไม่ควรไปอยู่ในที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท การอยู่ในที่กว้าง อากาศถ่ายเทได้ดีจะช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดจากสารคัดหลั่งเช่นน้ำมูก น้ำลายได้ดีขึ้น และอย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงหมั่นล้างมือบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจะเป็นการดีที่สุดครับ สำหรับสถานการณ์ในไทยล่าสุดตอนนี้ก็มีเรื่องใ้ห้ต้องลุ้นกันอีกเมื่อพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 3 รายด้วย

อ้างอิง VOX, SCMP

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส