เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมา Pfizer (ไฟเซอร์) บริษัทยาระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา และ BioNTech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศเยอรมนี ได้เปิดเผยข้อมูลการทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ที่ได้ผลมากกว่า 90% แล้ว ซึ่งสูงกว่าที่ได้คาดการณ์เอาไว้
ด็อกเตอร์ Albert Bourla (อัลเบิร์ต บัวร์ลา) ผู้ดำรงตำแหน่งประธานของ Pfizer ได้กล่าวว่า “ผมคิดว่าเราได้เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์เสียที นี่เป็นวันอันยิ่งใหญ่สำหรับวงการวิทยาศาสตร์และมวลมนุษยชาติ”
วัคซีนดังกล่าวได้รับการทดสอบร่วมกับอาสาสมัครจำนวน 43,538 ราย ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, บราซิล, อาร์เจนตินา, แอฟริกาใต้ และตุรกี โดยอาสาสมัครจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจำนวน 2 ครั้ง (หรือเรียกว่า 2 โดส) และฉีดยาหลอก ในช่วงระยะเวลาห่างกัน 3 สัปดาห์ โดยพบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จำนวน 94 ราย จากอาสาสมัครทั้งหมดที่เข้าร่วมการทดสอบ
Pfizer และ BioNTech มิได้ระบุว่าผู้ป่วยดังกล่าวมาจากกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนหรือยาหลอก แต่จากการทดสอบแยกกลุ่มทำให้ทราบว่า กลุ่มผู้ได้รับวัคซีนมีการติดเชื้อไวรัสราว 10% ของผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าวัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพถึง 90% เนื่องจากวัคซีนได้ไปกระตุ้นให้ร่างการสร้างแอนติบอดีและบางส่วนของระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า T-Cells (ที-เซลล์) เพื่อช่วยในการต่อสู้กับไวรัส COVID-19
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่อาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีนครั้ง 2 ได้รับการตรวจสุขภาพเป็นระยะเวลา 2 เดือนติดต่อกันแล้วนั้น ทาง Pfizer และ BioNTech ก็มีแผนจะยื่นขออนุมัติผลิตวัคซีนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA: Food and Drug Administration) เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินในทันที
ทาง Pfizer เชื่อว่าจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 50 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2020 นี้ และ 1,300 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2021 แต่ก็ยังมีปัจจัยด้านการเก็บวัคซีนไว้ในอุณภูมิ ลบ 80 องศาเซลเซียส ที่อาจเป็นปัญหาในการจัดส่งวัคซีนได้ในอนาคต
- ปล. องค์การอนามัยโลก (WHO: World Health Organization) ได้ยืนยันเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่ามีจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ทั่วโลกมากกว่า 50 ล้านราย และเสียชีวิตไปกว่า 1.2 ล้านรายแล้ว
ข้อมูลอ้างอิง : bbc , cnn , cnbc และ worldmetors
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส