27 กุมภาพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้อนุญาตให้ใช้วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ Johnson & Johnson (Janssen) ในกรณีฉุกเฉินเป็นรายที่ 3 หลังจากที่บริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาตใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามหลังวัคซีนของ Pfizer และ Moderna ที่ได้รับอนุญาตไปเมื่อเดือนธันวาคม ซึ่งขณะนี้สหรัฐฯ ได้เริ่มกระจายวัคซีนไปแล้ว 96,402,290 โดส ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว 48,435,536 รายและฉีดเข็มที่สอง 23,698,627 รายจากประชากรทั้งหมด 300 ล้านคน
วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ Johnson & Johnson มีประสิทธิภาพโดยรวมในการป้องกันการป่วยในระดับปานกลางถึงรุนแรงได้ 66%, มีประสิทธิภาพโดยรวมในการป้องกันอาการป่วยที่รุนแรงได้ 85% และมีประสิทธิภาพป้องกันการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิตได้ 100% ที่สำคัญคือสามารถฉีดป้องกันได้ด้วยวัคซีนเพียงเข็มเดียว ซึ่งต่างจากวัคซีน Pfizer และ Moderna ที่มีประสิทธิภาพ 95% และ 94% ตามลำดับแต่ต้องฉีดวัคซีนถึง 2 เข็ม
11 กุมภาพันธ์ Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารของเขาได้สั่งซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 เอาไว้อย่างเพียงพอสำหรับประชาชนทั้งหมด 300 ล้านคนภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งหลังจากนั้นวัคซีนจะต้องถูกกระจายไปยังรัฐต่าง ๆ และส่งต่อไปยังเมืองในท้องถิ่นทั้งหมด
Johnson & Johnson เผยว่าได้ตกลงที่จะจัดหาวัคซีนให้แก่สหรัฐฯ 100 ล้านโดสได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน โดยจะเริ่มส่งมอบวัคซีนล็อตแรกให้กับชาวอเมริกันได้ในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวัคซีนของทั้ง 3 รายจะมีประสิทธิภาพที่ไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยสหรัฐฯ ก็มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงและผ่านการรับรองแล้วถึง 3 ราย ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันและรักษาชีวิตผู้คนจาก COVID-19 ได้มากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ ครองอันดับหนึ่งของการมีผู้ติดเชื้อที่ 29,202,966 คนและเสียชีวิตแล้ว 524,670 คน
ที่มา : cnet
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส