หน่วยงานที่ปรึกษาด้านวัคซีนของสหราชอาณาจักรได้เสนอให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ได้รับทางเลือกให้ฉีดวัคซีนจากบริษัทอื่นนอกเหนือจาก AstraZeneca เนื่องจากพบหลักฐานที่เชื่อมโยงวัคซีน AstraZeneca กับการอุดตันของเลือดซึ่งถือว่าเป็นเคสที่หาได้ยาก
จากการตรวจสอบของ MHRA เมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคมพบว่าจากผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca เกือบ 20 ล้านคนในสหราชอาณาจักร มีผู้ได้รับวัคซีน จำนวน 79 รายที่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งถือว่าหาได้ยาก โดยบางรายเสียชีวิตแล้ว หน่วยงานกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่าการฉีดวัคซีนเป็นสาเหตุของภาวะลิ่มเลือดอุดตันแต่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงเท่านั้น โดยเกือบสองในสามของผู้ป่วยโรคภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่หายากเป็นผู้หญิงและผู้ที่เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 18 – 79 ปี
ในขณะเดียวกันหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาของสหภาพยุโรปกล่าวว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่หายากเป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน หากเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพแล้วนั้น นับได้ว่าคุ้มค่ามาก ส่งผลให้บางประเทศในยุโรปมีการกำหนดขอบเขตการใช้วัคซีนที่มากขึ้น
ดร. จูน เรน (June Raine) หัวหน้าผู้บริหารของ MHRA กล่าวว่า “การเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีนเป็นอะไรที่หายากมากและคาดว่าในอนาคตจะมีรายงานที่สามารถระบุได้ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของภาวะลิ่มเลือดอุดตันหรือไม่ หากเปรียบเทียบระหว่างประโยชน์กับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในคนส่วนใหญ่ วัคซีนยังคงเป็นประโยชน์มากกว่า แต่ในกลุ่มของคนที่มีอายุน้อยมีอะไรให้พิจารณามากกว่านั้น”
นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่า “ความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา” จากการพิจารณาใหม่นั้นส่งผลให้กลุ่มที่ปรึกษาด้านวัคซีนของรัฐบาลสหราชอาณาจักร JCVI แนะนําให้ผู้ที่มีอายุระหว่าง 18 – 29 ปี สามารถเลือกรับวัคซีนจากบริษัทอื่น ๆ ได้ โดยศาสตราจารย์ เว่ย เชิน ลิม (Wei Shen Lim) คณะกรรมการ JCVI กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากความระมัดระวังมากกว่าความกังวล
MHRA กล่าวว่า “ผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca เข็มแรก แล้วควรเข้ารับเข็มที่สอง แต่หากพบภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรกก็ไม่ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนต่อ และผู้ที่มีความผิดปกติของเลือดที่ทำให้เสี่ยงต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตันควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการฉีดวัคซีนก่อนทำการฉีด”
อ้างอิง BBC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส