ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน อิสราเอลได้เริ่มการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ซึ่งเป็นเข็มสำหรับกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งหลังจากผ่านมาเกือบเดือนก็พบสัญญาณที่ดีว่า เข็มกระตุ้นสามารถช่วยป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้
อิสราเอลต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาตั้งแต่เดือนมิถุนายน แม้จะเป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาชนรวดเร็วที่สุด
หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการทางเศรษฐกิจและการล็อกดาวน์เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเหลือเพียง 1 หลัก และมียอดผู้เสียชีวิต 0 ราย การเข้ามาของสายพันธุ์เดลตาก็ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึง 7,500 คนต่อวันในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วย 600 คนที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะมีอาการหนัก และมีประชากรกว่า 150 คนที่เสียชีวิตในสัปดาห์ที่แล้ว
ในวันที่ 30 มิถุนายน อิสราเอลได้เริ่มต้นฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ของ Pfizer/BioNtech ให้กับผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี เป็นประเทศแรกในโลกที่เริ่มต้นการฉีดเข็มกระตุ้นให้ประชาชน และในวันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม ได้ขยายให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 มานานกว่า 5 เดือน ให้สามารถรับการฉีดเข็มกระตุ้นได้
หลังจากเริ่มต้นฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นก็พบว่า ใน 10 วันที่ผ่านมา อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในผู้สูงอายุกว่า 1 ล้านคนมีอัตราต่ำลง
สังเกตภาพด้านล่าง: เส้นสีแดง หมายถึงผู้ได้รับวัคซีนอายุมากกว่า 60 ปี โดยจะเห็นได้ว่า อัตราการแพร่พันธุ์ (Acceleration rate) ของเชื้อโควิด-19เริ่มลดลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม และลดลงต่ำกว่า 1 แสดงว่า ผู้ติดเชื้อในกลุ่มนี้สามารถแพร่กระจายเชื้อได้น้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่า การแพร่กระจายที่รวดเร็วของสายพันธุ์เดลตาถูกควบคุมให้แพร่กระจายได้ช้าลงกว่าเดิม
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า การได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดอัตราการแพร่กระจายของเชื้อ แต่มาตรการอื่น ๆ ก็มีส่วนช่วยเช่นกัน แม้ว่าตัวเลขการติดเชื้อรายใหม่จะยังคงสูง แต่อัตราการติดเชื้อนั้นลดต่ำลง และเคสผู้ป่วยอาการหนักก็ลดลงเช่นกัน
อ้างอิง: Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส