อ้างอิงจากข้อมูลของ Reuters พบว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสะสมในยุโรปตะวันออกเกิน 20 ล้านรายในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2564 เป็นครั้งแรก หลังจากที่ภูมิภาคนี้ต้องเผชิญกับปัญหาการระบาดครั้งรุนแรงที่สุด โดยสาเหตุหนึ่งมาจากการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า
ภูมิภาคยุโรปตะวันออกนั้นมีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำที่สุดในยุโรป โดยมีประชาชนที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด
ฮังการีเป็นประเทศในแถบยุโรปตะวันออกที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 62% ในขณะที่ยูเครนเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนต่ำที่สุดเพียง 19% ของประชากรในประเทศเท่านั้น
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละสัปดาห์จนล่าสุดมีค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 83,700 รายต่อวัน เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2020
Reuters ระบุว่า 3 ใน 5 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ซึ่งได้แก่ รัสเซีย ยูเครน และโรมาเนีย โดยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มากขึ้นและยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้ประชาชนบางส่วนที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนเริ่มเกิดความรู้สึกเสียใจที่เลือกที่จะไม่ฉีดวัคซีน
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 40% ในยุโรปตะวันออกนั้นมาจากประเทศรัสเซีย โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้ที่ผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก (ติดเชื้อ) ถึง 120 รายในทุก ๆ 5 นาที ซึ่งรัสเซียฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 1 เข็มแล้ว 36% ของประชากรในประเทศ
อ้างอิง: Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส