เป้าหมายในเรื่องการเงินส่วนตัวของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป เชื่อว่าส่วนใหญ่อยากจะมีให้เยอะที่สุดเพื่อจะได้สบายไปทั้งชีวิต แต่สำหรับ บิล เกตส์ (Bill Gates) เศรษฐีผู้ร่ำรวยติดอันดับต้น ๆ ของโลก ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Microsoft ดูจะสวนทางกับแนวคิดทั่วไป เป้าหมายของเขาต่อจากนี้คือทยอยบริจาคเงินและสินทรัพย์ทุกอย่างให้กับองค์กรการกุศล Bill & Melinda Gates ที่เขากับอดีตภรรยาร่วมก่อตั้ง โดยไม่ได้สนใจว่าชื่อของเขาจะถูกปลดออกจากรายชื่อของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกแล้วก็ตาม
เรื่องนี้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเนื่องจากเมื่อช่วงกลางปี 2022 เขาได้บริจาคเงินเพิ่มไปอีก 20,000 ล้านเหรียญ หลังจากนั้นก็ทวีตย้ำหลักการของเขาอีกครั้งว่า
“เมื่อมองไปยังอนาคต ผมวางแผนเอาไว้ว่าจะมอบทรัพย์สินส่วนตัวเกือบทุกอย่างให้กับองค์กรนี้ ซึ่งตำแหน่งของผมบนรายชื่อของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจะขยับลงมาและสุดท้ายก็หลุดไปเลย”
ตั้งแต่องค์กร Bill & Melinda Gates ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ทั้งเกตส์และอดีตภรรยาได้บริจาคเงินไปแล้วรวมกันราว ๆ 50,000 ล้านเหรียญ มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือปัญหาความยากจนและสาธารณสุขทั่วโลก ตอนนี้เกตส์ถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 4 ของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกโดย Bloomberg เมื่อดูตามเป้าหมายแล้วเขาต้องบริจาคอีกประมาณ 122,000 ล้านเหรียญ เป็นจำนวนเงินที่เยอะมากและแน่นอนว่ามันจะสร้างผลกระทบครั้งใหญ่เลยเมื่อดูจากสิ่งที่องค์กรนี้ทำมาและแผนการที่วางเอาไว้
เกตส์เขียนบทความเอาไว้บนเว็บไซต์ของตนเองเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2022 ว่าต่อจากนี้องค์กรไม่แสวงผลกำไร Gates Foundation วางแผนที่จะใช้เงินเพิ่มขึ้นอีกปีละ 50% หรือราว ๆ 9,000 ล้านเหรียญภายในปี 2026 (ตอนนี้องค์กรใช้อยู่ที่ราว ๆ 6,000 ล้านเหรียญ) เขาบอกว่า “มันชัดเจนมากตอนนี้ว่าทุกส่วนที่เราทำนั้นมีความต้องการมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา วิกฤติครั้งใหญ่ในยุคสมัยเราเรียกร้องให้เราทุกคนต้องทำมากขึ้น” โดยยกตัวอย่างตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 และสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครน
Bill & Melinda Gates ถือเป็นมูลนิธิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ให้ทุนสนับสนุนในหลาย ๆ เรื่อง แต่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาระดับโลกอย่างปัญหาเรื่องโรคระบาด ความยากจน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและการศึกษา ในอนาคตเกตส์มองว่าเงินที่บริจาคเพิ่มเข้ามาจะช่วยในส่วนของการวิจัยและพัฒนาเพื่อป้องกันโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลกที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนั้นแล้วจะไปช่วยบรรเทาปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและลดอัตราการเสียชีวิตของทารกระหว่างทำคลอดที่เกี่ยวเนื่องจากโรคที่ป้องกันได้ให้เหลือครึ่งหนึ่ง
ประเด็นนี้กลายเป็นที่น่าจับตามองไม่น้อย อย่างที่ชี้แจงไปเบื้องต้นว่ามันเป็นเงินจำนวนมหาศาล มีนักวิจารณ์หลายคนออกมาชี้แจงว่ามันอาจจะกลายเป็นปัญหาตามมาภายหลัง เนื่องจากเงินจำนวนนี้ถูกวางไว้ในองค์กรไม่แสวงผลกำไรแบบเอกชน มีอำนาจในมือเต็มที่ว่าจะใช้มันไปตรงไหนบ้าง ลินซีย์ แม็คเกีย (Linsey McGoey) ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสังคมวิทยาเศรษฐกิจและนวัตกรรมแห่งมหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ (University of Essex) (เธอเป็นผู้เขียนหนังสือ “No Such Thing as a Free Gift: The Gates Foundation and the Price of Philanthropy”) ได้เขียนบทความลงใน ‘The New York Times’ เตือนว่ามันเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้น เงินบริจาคจะถูกใช้ไปกับองค์กรเอกชนอื่น ๆ อย่าง Mastercard หรือบริษัทยาที่ร่ำรวยอยู่แล้ว นักวิจารณ์หลายคนแนะนำว่ามูลนิธิเอกชนแบบ Gates Foundation ควรมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้โดยคนทั่วไปได้ด้วย
แต่ไม่ว่าเสียงวิจารณ์จะออกมาโต้แย้งยังไง ผลกระทบของ Gates Foundation ได้ทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นมากสำหรับคนหลายล้านคนทั่วโลก นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยไรซ์ (Rice Univerysity) ได้ทำการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่ามูลนิธิแห่งนี้ได้ช่วยกระตุ้นการสนับสนุนทางการเงินที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health) เพื่อการวิจัยวัคซีนสำหรับมาลาเรีย, วัณโรค และโรคอื่น ๆ ทั่วโลกอย่างโรคหอบหืดและโรคหัวใจ
นอกจากนั้น Gate Foundation ก็เป็นส่วนสำคัญของการสร้างเครือข่าย Gavi หรือ Vaccine Alliance หุ้นส่วนระหว่างรัฐ-เอกชนที่ทำการเกี่ยวกับสาธารณสุขระดับโลก มีจุดประสงค์เพิ่มการให้ยาคุ้มกันโรคแก่บุคคลต่าง ๆ ในประเทศยากจน ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ที่ได้มอบวัคซีนช่วยเหลือประชาชนไปแล้วกว่า 1,200 ล้านคนจากโรคต่าง ๆ อย่าง โควิด-19, โปลิโอ และโรคหัด มูลนิธิบริจาคเงินให้กับโครงการมากกว่า 4,000 ล้านเหรียญ ขณะเดียวกันก็ช่วยโน้มน้าวรัฐบาลและองค์กรด้านสุขภาพทั่วโลกให้ร่วมกันบริจาคอีกหลายพันล้านเหรียญ โดยมีการคาดการณ์ว่าโครงการนี้ได้ช่วยป้องกันไม่ให้ประชากรโลกเสียชีวิตไปแล้วกว่า 15 ล้านราย
มูลค่าทางทรัพย์สินของเกตส์นั้นมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นไปอีกในอนาคตเพราะมันมาจากทั้งมูลค่าหุ้นของบริษัท Microsoft ที่เขาถืออยู่ 1% รวมถึงที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะ และเงินปันผลต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น (หรือลดลง) ตามตลาดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วเงินที่เขาบริจาคให้กับมูลนิธิอาจจะมากกว่า (หรือน้อยกว่า) 122,000 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังถือว่าเป็นเงินที่เยอะมาก ๆ อยู่ดี แต่เกตส์ก็ไม่ได้มองว่าสิ่งที่เขาทำเป็นการเสียสละอะไรเลย เขาเขียนทิ้งท้ายเอาไว้ในบทความของตัวเองว่า
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้กับความท้าทายเหล่านี้ ผมมีความสุขกับงาน และเชื่อว่าผมมีภาระหน้าที่ในการมอบคืนสิ่งที่ผมมีให้กับสังคมในทางที่มันจะผลกระทบมากที่สุดสำหรับชีวิตที่ดีขึ้น และผมก็หวังว่าคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสถานะที่ร่ำรวยมหาศาลและมีอำนาจจะมาร่วมกันตอนนี้ด้วย”
ที่มา:
CNBC 1 Twitter CNBC 2
Reuters Bloomberg CNBC 3
The New York Times 1 Gate Notes
The New York Times 2 NCBI VOX
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส