สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติ (National Bureau of Economic Research) ได้ทำการศึกษาเรื่อง “การประหยัดเวลาเมื่อต้องทำงานจากที่บ้าน” (Time Savings When Working from Home) ซึ่งทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลจาก 27 ประเทศทั่วโลก โดยพบว่า หากพนักงานต้องทำงานที่บ้าน พวกเขาจะสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้เฉลี่ย 72 นาทีต่อวัน
กลุ่มตัวอย่างของการศึกษาเรื่องนี้ คือ พนักงานประจำที่มีอายุระหว่าง 20 – 59 ปี และสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานใน 27 ประเทศทั่วโลก โดยผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างพบว่า ในปี 2021 เมื่อพวกเขาต้องทำงานที่บ้านจะสามารถประหยัดเวลาการเดินทางได้ประมาณ 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และในปี 2022 จะสามารถประหยัดเวลาได้ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้คลี่คลายลงไปมากแล้ว และหลายบริษัทเรียกตัวพนักงานกลับมายังสำนักงาน
นอกจากนี้ ผลการศึกษากลุ่มตัวอย่างยังพบอีกว่า พนักงานร้อยละ 40 นำเวลาที่พวกเขาประหยัดไปได้จากการเดินทางไปใช้ในการทำงาน (ทั้งงานหลักและงานเสริม) ส่วนอีกร้อยละ 34 ใช้เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการ ในขณะที่ร้อยละ 11 จัดสรรเวลาเพิ่มมากขึ้นในการดูแลลูก ๆ ของพวกเขา
สำหรับรายละเอียดของแต่ละประเทศนั้น ผลการศึกษาพบว่า ‘จีน’ คือประเทศที่กลุ่มตัวอย่างประหยัดเวลาในการเดินทางมากที่สุด คือ 102 นาทีต่อวัน รองลงมาคือ ‘ญี่ปุ่น’ 100 นาทีต่อวัน และอันดับ 3 คือ ‘อินเดีย’ 99 นาทีต่อวัน ทั้งนี้ การครองแชมป์ของจีนนั้น มีนัยสำคัญมาจากมาตรการ Zero Covid ของทางการจีน ซึ่งมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด
สำหรับสหรัฐฯ นั้น กลุ่มตัวอย่างประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้ 55 นาทีต่อวัน โดยกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันเลือกใช้เวลาที่พวกเขาประหยัดไปกับงานที่ 2 ของพวกเขา ในขณะที่ร้อยละ 42 ของกลุ่มตัวอย่างนี้ เลือกที่จะใช้เวลาเพื่อการพักผ่อนและสันทนาการ เช่น ดูทีวี, อ่านหนังสือ, ออกกำลังกาย และอื่น ๆ
ในช่วงเวลานี้ที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้คลี่คลายลงไปมากแล้ว และหลายบริษัทเรียกตัวพนักงานกลับมายังสำนักงาน ทำให้เกิดข้อถกเถียงมากขึ้นระหว่างนายจ้างและพนักงาน ซึ่งอาจนำไปสู่การลาออก หากไม่สามารถเจรจาเพื่อขอทำงานที่บ้านต่อไปได้
ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยไม่อาจตัดสินได้ว่า การทำงานที่สำนักงานดีที่สุด หรือการทำงานที่บ้านดีที่สุด แต่จากผลการศึกษาชิ้นนี้ ทำให้พบว่า การทำงานที่บ้านนั้น นายจ้างจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลสำนักงานได้มากขึ้น ได้งานจากพนักงานมากขึ้น ขณะเดียวกันพนักงานก็มีความสุขมากขึ้น และลูก ๆ ของเขาก็ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน
อนึ่ง งานวิจัยของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติชิ้นนี้ ยังไม่ได้รับการประเมินตามขั้นตอน จึงควรใช้ความระมัดระวังในการอ่าน
ที่มา : NBER, GOING CONCERN