ถ้าถามว่าใครเคยได้รับข้อความ “สวัสดีวันจันทร์” จากพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่บ้าง ? คนจำนวน 9 ใน 10 คงต้องยกมือ เพราะต่างมีประสบการณ์ร่วมที่กลายเป็นวิถีชีวิตปกติไปแล้ว ตั้งแต่เราและสมาชิกทุกวัยในครอบครัวเริ่มใช้ไลน์ (LINE) ในการสื่อสารตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 

ซึ่งการส่งรูปดอกไม้สวัสดีประจำวันนี้ หลายคนอาจจะมองว่าน่ารำคาญหรืออ่านข้าม ๆ ไป ทั้งที่จริงแล้วนี่อาจเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดในการเชื่อมโลกของพ่อแม่เข้ากับลูกหลานที่นับวันจะห่างออกจากกันมากขึ้นทุกที บทความนี้ชวนถอดรหัส “สวัสดีวันจันทร์” วัฒนธรรมต่าง Gen ที่เชื่อมสัมพันธ์ในครอบครัวผ่าน 3 คุณค่าที่ซ่อนอยู่

1. ส่งภาพง่าย ส่งได้ซ้ำ ๆ

สวัสดีวันจันทร์

ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้ริเริ่มการส่งรูปดอกไม้สวัสดีประจำวันที่มีกราฟิกพื้นหลังเป็นรูปดอกไม้สวย ๆ พร้อมตัวอักษรที่มีเอกลักษณ์และกลิตเตอร์ระยิบระยับเพิ่มความหรูหรา แต่ที่แน่ ๆ สิ่งนี้กลายเป็นวัฒนธรรมของคนในวัยเจนเอ็กซ์ (เกิดในช่วง พ.ศ. 2508 – 2523) ไปจนถึงเบบี้บูมเมอร์ (เกิดในช่วง พ.ศ. 2489-2507) เพื่อทักทายลูกหลานในยามเช้า

เนื่องจากพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ในรุ่นเจนเอ็กซ์ถึงเบบี้บูมเมอร์ อาจจะเริ่มมีข้อจำกัดด้านสุขภาพบ้าง โดยเฉพาะเรื่องสายตาและความรวดเร็วในการพิมพ์ข้อความ บางคนอาจไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยี ดังนั้น การส่งรูปภาพสวย ๆ พร้อมข้อความดี ๆ จึงเป็นวิธีที่ทำง่ายและเข้าใจง่ายที่สุดสำหรับพวกเขา นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกรูปไว้ใช้ซ้ำได้บ่อย ๆ อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องใช้ความพยายามในการสื่อสารที่ซับซ้อน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนในเจนเหล่านี้จึงเลือกการส่งรูปดอกไม้สวัสดีประจำวันเพื่อสื่อสารกับลูกหลาน

2. โอกาสที่พ่อกับแม่จะบอกคิดถึงได้บ่อย ๆ

สวัสดีวันจันทร์

เมื่อวิถีชีวิตที่คนเราเติบโตและแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตจนห่างไกลจากพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ บางครั้งการโทรไปพูดคุยหรือวิดีโอคอลเพื่อสื่อสารอาจทำได้ไม่บ่อยและไม่เหมือนเวลาอยู่ร่วมกัน ยิ่งใครเป็นคน “ปากหนัก” หรือ “ขี้เขิน” ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ห่างไกลกันออกไปอีก ดังนั้น ภาพที่มีสีสันพร้อมข้อความที่หลากหลาย ตั้งแต่วันทั้งเจ็ดไปจนถึงคำอวยพร และมุกตลกขำขัน ก็เป็นโอกาสที่พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่จะสื่อสารกับเราได้ โดยไม่ต้องหาเรื่องราวมาสร้างบทสนทนา 

ข้อมูลหนึ่งจากผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน YOUNG HAPPY คอมมูนิตี้เพื่อผู้สูงอายุเปิดเผยว่า บรรดาผู้ใหญ่ที่ต้องการส่งต่อความรัก ความปรารถนาดี และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนั้น เป็นการบอกเป็นนัยให้รู้ว่าพ่อแม่ยังอยู่ตรงนี้และสบายดี รวมทั้งคิดถึงลูกหลานอยู่เสมอ ซึ่งการกระทำนี้ถือเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานที่ช่วยสร้างความรู้สึกในการมีตัวตน การมีส่วนร่วม และการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว (Belonging and Love Needs) ตามทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of Needs)

3. ความเฉิ่มเชยที่เป็นมวลพลังบวกของโลกทั้งใบ

สวัสดีวันจันทร์

ไม่ว่าจะคนรุ่นไหนก็ชอบดูชอบมองสิ่งจรรโลงใจ ซึ่งต้องยอมรับว่าคนแต่ละวัยก็มองสิ่งสวยงานไม่เหมือนกัน รูปภาพดอกไม้ที่อยู่ในสวนหน้าบ้าน หรือภาพมุกตลกที่ส่งต่อ ๆ กันมา ที่บางคนอาจจะมองว่าไม่เห็นตลกหรือเชยไปเสียด้วยซ้ำ ในทางกลับกัน นั่นกลับเป็นมวลพลังบวกในโลกของคนเป็นพ่อแม่ที่พวกเขาอยากส่งต่อความปรารถนาดีมาให้ลูกหลาน 

นอกจากนี้ งานวิจัยในเชิงจิตวิทยาของ Derek M. Isaacowitz และ YoonSun Choi ซึ่งศึกษาเรื่องการจ้องมองเชิงบวกที่สัมพันธ์กับอายุ พบว่า ผู้สูงอายุมีแนวโน้มจ้องมองภาพที่มีเนื้อหาเชิงบวกมากกว่าคนหนุ่มสาว สอดคล้องกับทฤษฎี Socioemotional Selectivity โดย Carstensen ที่บอกว่า เมื่อคนเรารับรู้ได้ถึงเวลาที่มีจำกัดของชีวิต ส่งผลให้เป้าหมาย ความชอบ และกระบวนการทางความคิดเปลี่ยนไปอย่างเป็นระบบ โดยจะยึดเป้าหมายทางอารมณ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทำให้คนมีอายุจึงมักมองหาอะไรในเชิงบวก ลดสิ่งที่เป็นเชิงลบ เพื่อปรับความรู้สึกนึกคิดให้อยู่ในเชิงบวกเสมอ

หากเช้านี้คุณได้รับรูปดอกไม้ “สวัสดีวันจันทร์” จากคนในครอบครัว ก่อนที่จะรู้สึกรำคาญ กดอ่านแล้วไม่ตอบ หรือเลือกสติกเกอร์แบบส่ง ๆ เพื่อตอบรับไป ขอให้ลองมองในอีกแง่มุมว่า รูปดอกไม้เชย ๆ ที่ได้รับอยู่ทุกวันนั้น คือ การรับ “พลังบวกประจำวัน” จากคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้เป็นลูกในวัย “เดอะแบก” ที่กำลังรับภาระหน้าที่ต่าง ๆ ในชีวิตรอบด้าน

ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการอยู่ร่วมกันและบริหารความสัมพันธ์กับพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่บนโลกออนไลน์ แม้จะไม่ได้เจอหน้ากัน ซึ่งเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการเปิดอ่าน ทักทาย หรือส่งสติกเกอร์ความหมายดี ๆ กลับไป เพียงเท่านี้ก็อาจทำให้ผู้เป็นพ่อแม่พึงพอใจได้เช่นกัน

ที่มา : LINE Thailand

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส