คงมีสักช่วงหนึ่งในชีวิตที่หลายคนใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ประกอบ และตอนนี้ก็อาจจะมีหลายคนที่ลงมือสร้างธุรกิจของตัวเองแล้ว เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 บทความนี้ขอแชร์ 5 เหตุผลที่ทำให้ผู้ประกอบการควรทำตัวให้เหมือน ‘เด็ก’ เพื่อธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
1. เด็กไม่กลัวความล้มเหลว
ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จบางรายต้องเผชิญกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะได้รับชัยชนะและสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ ขณะเดียวกัน เมื่อคุณตัดสินใจที่จะเป็นผู้ประกอบการในวัยที่โตขึ้น คุณจะมีแนวโน้มที่จะล้มเหลวมากกว่าประสบความสำเร็จ เพราะในใจลึก ๆ แล้ว คุณมีความกังวล ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนเราจะกลัวความผิดพลาด เนื่องจากเหตุการณ์ในอดีต
แต่เด็ก ๆ ที่มีประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าและยังคงไร้เดียงสา ทำให้พวกเขาไม่กลัวที่จะล้มเหลว นั่นก็เพราะไม่เคยล้มเหลวมาก่อน ดังนั้น การลงมือทำสิ่งต่าง ๆ จึงเป็นอิสระมากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งแนวคิดนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของผู้ประกอบการที่มีหัวใจวัยเยาว์อยู่เสมอ
2. เด็กคือผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
เด็กรุ่นใหม่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตในมือ และนี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมพวกเขาจึงเรียนรู้การเขียนโปรแกรมได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่คนอายุมากกว่าจะมองการเขียนโปรแกรม หรือการลองใช้อุปกรณ์ใหม่ ๆ เป็นเหมือนกับการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศที่ต้องใช้เวลานาน
นอกจากนี้ เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าและล้ำสมัยขึ้น เด็กรุ่นใหม่ก็จะเติบโตไปกับเทคโนโลยีเหล่านี้โดยธรรมชาติ และแทบไม่มีช่องว่างแห่งการเรียนรู้ที่ขาดหาย พวกเขาแทบจะใช้อุปกรณ์ใหม่ ๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต เรียกได้ว่าเป็นกลุ่ม Early Adopter หรือคนที่นำเทรนด์และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้งาน ทั้งนี้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจไม่ได้ดีที่สุดในทุกครั้งที่มันเปิดตัว แต่การเรียนรู้ที่จะเข้าใจและใช้งานได้ก่อนใคร ย่อมได้เปรียบมากกว่าในสนามธุรกิจ
3. เด็กมีความอยากรู้อยากเห็นโดยธรรมชาติ
ความอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยเฉพาะในวัยเด็ก เราจึงได้ยินพวกเขาตั้งคำถามต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของ Startup ในปัจจุบัน เพราะคุณจะเห็นได้ว่า Startup ที่ประสบความสำเร็จนั้น พวกเขาไม่ได้สร้างอะไรที่มหัศจรรย์พันลึก หรือปฏิวัติวงการให้พลิกกลับด้าน แต่กลับเป็นการแก้ปัญหาง่าย ๆ เพื่อให้ผู้คนสะดวกสบายมากขึ้น เช่น Uber แพลตฟอร์มเรียกรถและสั่งอาหาร รวมถึง Airbnb ธุรกิจเกี่ยวกับการแบ่งปันที่พัก
ดังนั้น การมองสิ่งรอบ ๆ ตัว และอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ อาจทำให้คุณมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่คนอื่นมองไม่เห็นก็เป็นได้
4. เด็กใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่
เชื่อว่าในวัยเด็กของหลาย ๆ คน ต้องเคยสร้างป้อมปราการในบ้าน ลากสิ่งของมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ หมอน ผ้าห่ม โซฟา และสารพัดสิ่งของที่จะหาได้ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ระดับสูงสุดในการสร้าง พร้อมจินตนาการว่าตัวเองเป็น ‘ผู้กล้า’ ที่คอยปกป้องป้อมปราการแห่งนี้
ซึ่งในวันนั้นพวกเราไม่ได้เขินอายเลยที่จะเล่นในบทบาทนี้ และผลักดันการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตนเองว่าจะใช้สิ่งของอะไรบ้างมาสร้างป้อมปราการ และการเล่นซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เด็กก็จะพลิกแพลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์แบบเดียวกันนี้ สามารถนำมาผสมผสานกับเทคโนโลยี เพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาได้
5. เด็กคือฟองน้ำแห่งความรู้
เด็กคือฟองน้ำแห่งความรู้ พวกเขาไม่กลัวที่จะตั้งคำถามในสิ่งที่ไม่รู้หรือสงสัย หากพวกเขาไม่ได้รับคำตอบของคำถามจากถามพ่อแม่ ก็จะเป็นหน้าที่ของสารานุกรมหรือหนังสือต่าง ๆ ที่จะให้คำตอบ ซึ่งอาจจะเสียเวลาอยู่บ้างในการค้นหา
ปัจจุบัน เด็กรุ่นใหม่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตในมือ พวกเขาจึงอาศัยการค้นหาผ่านเสิร์ชเอนจินต่าง ๆ เช่น Google และหากพวกเขาสนใจหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งเป็นพิเศษ ก็สามารถค้นหาไปเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องเพียงการคลิกไม่กี่ครั้ง
ดังนั้น เมื่อการค้นหาความรู้นั้นง่ายและสะดวกสบายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้เราจะเติบโตขึ้นแล้วก็ไม่ควรที่จะละเลยการตั้งคำถามในสิ่งที่ไม่รู้หรือสงสัย การทำตัวเป็น ‘ฟองน้ำ’ ที่ซึบซับความรู้อยู่เสมอ และพยายามขวนขวายความรู้ใหม่ ๆ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรละเลย
ที่มา : Entrepreneur
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส