ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) นักลงทุนระดับตำนานที่จากโลกนี้ไปเมื่อปี 2023 ในวัย 99 ปี ได้ฝากข้อคิดสำคัญไว้มากมาย หนึ่งในนั้นคือแนวทางการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แม้จะเป็นมหาเศรษฐีระดับพันล้าน แต่เขากลับเลือกใช้ชีวิตอย่างถ่อมตัวอยู่ในบ้านหลังเดิมที่เมืองพาซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย นานถึง 70 ปี โดยไม่มีความคิดที่จะย้ายไปอยู่บ้านหรูราคาแพงเหมือนคนอื่น
ซึ่งมังเกอร์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ชัดเจนกับช่อง CNBC ในปี 2023 ว่า “บ้านหรูหลังใหญ่ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขเพิ่มขึ้นเลย เขามองว่าบ้านพื้นฐานที่เรียบง่ายต่างหากที่ช่วยให้ชีวิตมีความสุขมากกว่า”
สำหรับมังเกอร์ บ้านหลังโตหรือคฤหาสน์หรูหราฟุ่มเฟือยไม่ใช่เป้าหมายชีวิต แต่เป็นกับดักของการเงินและความสุข หลายคนพยายามซื้อบ้านราคาแพงเพื่อแสดงฐานะ แต่สุดท้ายกลับไม่มีความสุขมากขึ้น มิหนำซ้ำยังทำให้ชีวิตยุ่งยากและกดดันมากกว่าเดิม และเขามักพูดเสมอว่า “การรักษาความร่ำรวยไม่ใช่เรื่องยาก ที่ยากคือการรักษาสติ” พร้อมแนะนำให้ทุกคนหลีกเลี่ยงกับดักที่นำไปสู่การใช้เงินเกินตัวหรือไล่ตามสถานะทางสังคมที่ไม่ได้เพิ่มความสุขที่แท้จริงให้ชีวิต เพราะพื้นที่บ้านที่ใหญ่ขึ้น ไม่ได้หมายถึงความสุขที่เพิ่มขึ้นเสมอไป
แนวคิดนี้ไม่ได้มีแค่มังเกอร์คนเดียว แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) เพื่อนสนิทและหุ้นส่วนธุรกิจของเขาก็คิดเหมือนกัน บัฟเฟตต์ใช้ชีวิตในบ้านหลังเดิมที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา ตั้งแต่ปี 1958 ซึ่งซื้อมาในราคาเพียง 31,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1 ล้านบาท ปัจจุบันบ้านหลังนี้มีมูลค่าประมาณ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 46.2 ล้านบาท แต่บัฟเฟตต์ก็ไม่เคยสนใจเรื่องนี้มากนัก หากเทียบกับความมั่งคั่งของบัฟเฟตต์ในปี 2025 ที่อยู่ถึง 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 55 ล้านล้านบาท
บัฟเฟตต์เคยอธิบายถึงเหตุผลที่เขาเลือกบ้านธรรมดาไว้ตั้งแต่ปี 1998 ว่า “หากนำเงินทั้งหมดไปทุ่มซื้อบ้าน ก็เหมือนสูญเสียโอกาสที่จะนำเงินนั้นไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า” ซึ่งเขาเชื่อว่าการนำเงินไปลงทุนจะทำให้เขารวยเร็วกว่าซื้อบ้าน และความจริงก็พิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง
ทั้งมังเกอร์และบัฟเฟตต์ มีมุมมองที่ชัดเจนร่วมกันว่า บ้านหลังใหญ่มีประโยชน์แค่ในวันที่จัดงานเลี้ยงใหญ่ ๆ รองรับแขกเป็นร้อยคน แต่หลังจากนั้นก็แทบไม่มีประโยชน์ แถมยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลที่สูงมากเกินไป ซึ่งไม่คุ้มกับความสุขที่ได้กลับมา