‘ธีระชาติ ก่อตระกูล’ หรือ ‘คุณแม็กซ์ StockRadars’ นอกจากจะเป็นหนึ่งใน CEO ทาเลนต์ของรายการข่าวเช้า beartai BRIEF แล้ว เขายังเป็นผู้ก่อตั้งแอปพลิเคชัน ‘StockRadars’ และ ‘Radars point’ 2 แอปพลิเคชันด้านการลงทุนที่อยากทำให้คนไทยเริ่มต้นการลงทุน และตัวเขาเองก็ยังมีความสนใจในเรื่องราวของไอที และวิทยาศาสตร์ พร้อมมุมมองเกี่ยวกับด้านการเงินและการลงทุน ที่พร้อมจะมาแลกเปลี่ยนกับผู้ชมในทุก ๆ เช้า
เพราะไม่ใช่เพียงแค่ว่าเขาเองเป็นผู้ก่อตั้งแอปเกี่ยวกับการลงทุน โดยเฉพาะในยุคคริปโตที่กำลังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย และในยุคโควิดครองเมืองแบบนี้ ทุกอย่างในชีวิตเราล้วนแต่เป็นสิ่งที่ต้องลงทุนทั้งสิ้น
ก่อนอื่น อยากให้เล่าเบื้องหลังของคุณว่าเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่
ก็ถ้าให้เล่านะครับ ผมเองเติบโตมาแบบโผงผางหน่อย เพราะว่าเรียนโรงเรียนชายล้วน อะไรแบบนี้ครับ แล้วก็มีความฝันว่าอยากเรียนคณะสถาปัตย์ฯ แต่ว่าได้เรียนเกี่ยวกับเคมีเฉยเลย (ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) เกี่ยวกับพวกพอลิเมอร์ พลาสติก พอจบปริญญาตรี ก็ไปทำงานเกี่ยวกับเคมีอยู่แป๊บหนึ่ง แล้วก็ไปต่อโทด้าน Technology Management ที่ ABAC เพราะว่าลึก ๆ แล้วเราสนใจด้านวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว และพอยิ่งเอามาบวกกับไอทีมันก็ยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่
จากนั้นก็มาทำงานให้กับบริษัทของออสเตรเลียอยู่ประมาณ 5-6 ปี ก่อนจะเริ่มทำสตาร์ตอัปเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ด้านการลงทุนชื่อว่า ‘Stockradars’ ครับ ถือว่าเป็นสตาร์ตอัปรุ่นแรก ๆ ของไทยเลยแหละ ในยุคที่ต้องฝ่าฟันกันค่อนข้างเยอะ เพราะว่าสภาวะของกฏเกณฑ์ กฏหมายในเมืองไทยไม่ค่อยเอื้อต่อการทำบริษัทเทคโนโลยีสักเท่าไหร่ ก็เลยมีความฝันว่าเราอยากสร้างเทคโนโลยีในเมืองไทยนี่แหละ แล้วส่งออกไปตลาดโลกให้ได้ ไม่ใช่แค่ใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศแต่เพียงอย่างเดียว ต่อมาก็มีการต่อยอดมาทำแอป Radars point ที่เป็นแอปให้คนหันมาเริ่มต้นการลงทุนโดยไม่ใช้เงินครับ
ในฐานะที่คุณเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจสตาร์ตอัปในไทย อยากให้ขยายเป็นความรู้หน่อยว่า ธุรกิจสตาร์ตอัปในไทยมันยุ่งยากหรือติดปัญหาในการทำธุรกิจตรงไหนบ้าง
การทำสตาร์ตอัปมันเริ่มที่ตัวเองครับ อยู่ที่สกิลของเราเลยว่า เราไหวไหม สู้ได้ขนาดไหน ในขณะเดียวกันเราก็ต้องดูจังหวะ โอกาส ดูสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเราด้วย ก็เหมือนเราปลูกต้นไม้ เราก็ต้องดูด้วยว่าป่ารอบ ๆ เรามีต้นไม้อะไรเติบโตได้แค่ไหน ซึ่งสตาร์ตอัปไทยเอง ก็อย่างที่บอกไปครับว่า มันติดปัญหาเรื่องกฏเกณฑ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสตาร์ตอัปที่เกี่ยวกับฟินเทค ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเช่น เราอยากทำ eKYC มาตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้ว เพราะเขายังไม่เชื่อในสตาร์ตอัป เหมือนเรายังไม่ค่อยเชื่อใน Local Brand ขนาดนั้น
ทุก Global Brand ล้วนแต่เคยเป็น Local Brand ที่เติบโตในบ้านก่อนจะไปเติบโตระดับโลก แต่คนไทยเรายังมีความคิดว่าแบรนด์ต่างชาติยังไงก็ดีกว่าเสมอ มันก็น่าเศร้านะ ถ้าเราต้องขายข้าว 20 ปี เพื่อเอาไปแลก iPhone เครื่องหนึ่ง เพราะคนส่งออกเทคโนโลยียังไงก็ได้เปรียบอยู่แล้ว ทางการของบ้านเรายังช้า ยังไม่ได้ปรับตัวได้ไวอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งทำให้อาชีพอย่างผมที่เป็นคนส่วนน้อยของประเทศอยู่ลำบาก เพราะว่าอะไรที่มันเก่า มันก็แปลว่ามันจะทำให้เกิด Innovation ได้ยาก
ถ้าสมมติว่าเกิดวันหนึ่งเราอยากทำ Sandbox ในการทดลองอะไรบางอย่างที่ไม่ผิดหลักเกณฑ์ สามารถเริ่มต้นทดลองได้เลย แต่สุดท้ายมันก็จะไปติดที่ว่ามีแต่ผู้เล่นหน้าเดิม ๆ ปกติในโลกของ Innovation มักจะมีคนที่เรียกว่า ‘Incumbent’ คือคนเดิม ๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรม กับ ‘Disruptor’ คือคนที่เข้าไปเร่งให้มันเร็วขึ้น ดีขึ้น ซึ่งบ้านเราเน้นดูแล Incumbent จนแทบไม่ได้สนใจว่าโลกตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว ทั้ง ๆ ที่บางอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสใหญ่มาก ๆ ของประเทศ มันก็เลยเป็นความลำบากของคนสร้างเทคโนโลยีในประเทศนี้
คุณเองสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่ทำไมมาเริ่มต้นทำแอปที่เกี่ยวกับการลงทุน ไอเดียตั้งต้นของแอปพลิเคชันทั้งสองตัวของคุณมาจากไหน
เริ่มมาจากเพื่อนครับ ชวนผมลงทุนหุ้น ชวนแล้วชวนอีก เราก็ไม่สนใจซะที จนเรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เราเห็นคนอื่นสำเร็จ เราก็อยากสำเร็จบ้าง แล้วเราก็ค้นพบความลับที่ซ่อนในโลกใบนี้ก็คือ ถ้าเราทำงานก็ได้เงิน แต่ถ้าเราหยุด เงินก็หยุดด้วย แต่อาชีพนักลงทุนคือ ต่อให้หยุดทำงานแต่ก็ยังได้เงินอยู่ อันนี้คือความฝันของคนขี้เกียจเลย
คือถ้าปกติเถียงกับเพื่อนว่าธุรกิจนี้มันเวิร์กไหม ถ้าเถียงเฉย ๆ มันไม่ได้เงิน แต่ถ้าเราเถียงในตลาดหุ้น แล้วเราชนะ เราได้เงินมหาศาล เพราะฉะนั้นเราก็เลยค้นพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวด้านการเงินก็คือการลงทุนให้เป็น ลงทุนในที่นี้ไม่ได้แปลว่าลงทุนด้วยเงินอย่างเดียว แต่ว่าเป็นการลงทุนในความรู้ ลงทุนในเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเราล้วนแล้วแต่เป็นการลงทุนทั้งนั้น
เวลาเราสนใจเรื่องของการลงทุน เราได้เจอ ได้คุยกับคนเก่ง ๆ คนที่ประสบความสำเร็จ คนที่มีเรื่องราวในชีวิตในด้านต่าง ๆ ทั้งเรื่องชีวิต การงาน การเงินที่น่าสนใจทั้งนั้น และเราค้นพบว่า แต่ละคนไม่มีทางลัดในการประสบความสำเร็จเลย คนมักจะชอบหาทางลัด หาสูตรสำเร็จกัน แต่จริง ๆ แล้วมันไม่มี มันเป็นเพราะเขาลงทุนกับอะไรบางอย่างมาเยอะเหมือนกัน กว่าเขาจะมาถึงจุดนั้นได้ เพียงแต่ว่าเวลาสำเร็จแล้วเรามักไม่ค่อยเห็นเขาในอีกมุมหนึ่ง ก็เลยเป็นโอกาสในการเริ่มลงทุน แต่พอเริ่มแล้วเรามองเห็นว่าทำไมไม่มีเครื่องมือมาช่วยในการลงทุน มันก็เลยกลายมาเป็นโอกาสทางธุรกิจ
อาจจะด้วยจังหวะเวลาด้วยแหละครับ ที่ทำให้มันกลายเป็นธุรกิจขึ้นมากได้ แต่ผมก็คิดว่ามันก็น่าจะไปได้อีกเยอะ มันอาจจะยังไม่ได้โตอย่างที่ใจต้องการ แต่มันก็มีพื้นฐานที่แข็งแรงแล้ว เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้เราก็ต้องลงทุน และให้เวลามันในการเติบโต
เทรนด์อะไรในด้านการเงินและการลงทุน ที่คุณคิดว่าเป็นเทรนด์ที่มีทิศทางที่น่าสนใจ
Blockchain และ AI ครับ เป็นสองอย่างที่ถ้ารวมร่างกันแล้วน่าจะได้เห็นอะไรอีกเยอะ รวมถึง DeFi (Decentralize Finance) ก็เป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ แม้ว่ามันจะยังไม่ได้มีแง่บวกร้อยเปอร์เซนต์ แต่มันสำคัญตรงที่การตัดตัวกลางออกไป การตัดตัวกลางออกไปก็แปลว่ามีอิสรภาพในการดูแลระบบการเงินของตัวเองมากขึ้น เราสามารถหาดอกเบี้ย 10 กว่าเปอร์เซนต์บน DeFi ได้สบาย ๆ ในขณะที่ดอกเบ้ียเงินฝากธนาคารอยู่ที่ 0.25 เปอร์เซนต์
สำหรับผม ผมมองว่าโอกาสเป็นของคนที่เชื่อในสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอด คือแน่นอนแหละ การจะเชื่ออะไรใหม่ ๆ มันก็ต้องมีหลักคิดประกอบด้วย แต่ว่ามันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันกับเวลา ไม่ยึดติดกับแนวคิดอะไรแบบเดิม ๆ ตัวผมในตอนนี้กับปีที่แล้วก็ไม่ใช่คนเดิม และก็ไม่ใช่คนเดียวกันเมื่อสิบปีที่แล้ว คนเราต้องมีการอัปเกรดกันอยู่ตลอด ซึ่งจริง ๆ มันก็คือวิทยาศาสตร์นั่นแหละ วันนี้เราเชื่อแบบนี้ได้ แต่เราก็ต้องเปิดโอกาสตัวเองให้เชื่ออีกแนวคิดที่กำลังจะเข้ามาด้วย
มีคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนบ้างไหม โดยเฉพาะในยุค “คริปโต-โควิด” แบบนี้
ผมว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกที่ทุกคนจะมีกำไรกันทั้งหมด แต่ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ก่อนจะเริ่มลงทุนกับอะไร ลงทุนกับตัวเองก่อน และเริ่มลงทุนให้เร็วที่สุด อย่ารอ
ปกติการลงทุนมันจะมีอยู่ 3 แกน คือ เงินต้น-เวลา-ผลตอบแทน เงินต้นกับผลตอบแทนน่ะ เพิ่มขึ้นได้ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นไม่ได้คือเวลา เพราะว่าเวลามีแต่จะลดลงไปเรื่อย ๆ ทุกวัน
แล้วก็เริ่มลงทุนด้วยเงินของเราที่น้อยที่สุดที่เราจะเสียได้ แล้วพอมีเงินเราเข้าไปอยู่ในนั้น เดี๋ยวเราก็จะศึกษาหาข้อมูลเอง เพราะว่าความเป็นความตายของเรามันอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นเรื่องสนุกของการลงทุน ยิ่งเปิดตัวเองเข้าสู่โลกการลงทุนได้เร็วที่สุดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี และรวมถึงการเชื่อในตัวเอง อย่าไปเชื่อตามคำเขาบอก อย่าเชื่อในอะไรที่เขาบอกว่าเป็นทางลัด แล้วก็ลองลุยด้วยตัวเอง
ผมว่าทุกคนมีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ แต่อยู่ที่ว่าใครอินกว่า ใครศึกษาข้อมูลมากกว่าก็เป็นผู้ชนะ ซึ่งมันก็เป็นกฏของธรรมชาติอยู่แล้วครับ
สำหรับคุณ อะไรคือหัวใจสำคัญที่สุดในการนำเสนอเนื้อหา หรือการแข่งขันของข่าวออนไลน์ในยุคนี้
สำหรับผม สำคัญตรงที่คนรับสารจะได้รับอะไร ได้อะไรในที่นี้คือ เนื้อข่าวดีพอไหม วิธีการนำเสนอเป็นอย่างไร ตกผลึกมาให้แล้วหรือยัง รวมถึงเรื่องของจุดยืนของแต่ละข่าว มันยากเหมือนกันนะที่จะสมดุลเรื่องนี้ เพราะว่าคนเรามันก็มีอคติ แต่ถ้าเกิดว่่ามีข่าวหนึ่งไปสะกิด ทำให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลง มีชีวิตที่ดีขึ้น หรือมีโอกาสในการทำสิ่งที่ดีในชีวิตของเขา อันนี้แหละที่ผมว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ๆ สำหรับสิ่งที่ข่าวพยายามจะนำเสนอเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อคนรับสาร
คิดอย่างไรกับข่าว beartai BRIEF บ้าง ชอบตรงไหน หรือมีอะไรที่อยากปรับปรุงบ้าง
อย่างแรกเลยคือ เช้ามากครับ ง่วง (หัวเราะ) ถ้าถามว่าเกร็งไหม จริง ๆ ตอนอ่านก็เกร็งนะ พยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โชคดีว่ามันเป็นเรื่องที่เราชอบอยู่แล้ว การได้มีโอกาสตรงนี้ก็ต้องขอบคุณพี่ ๆ หลาย ๆ คนเลย ที่เชื่อว่าเราทำได้ และถ้าเขาเชื่อว่าเราทำได้ หน้าที่ของเราก็คือต้องต้องทำให้ตัวเองเชื่อว่าตัวเองทำได้ด้วย ก็ต้องหาท่าหาทรงกันอยู่ประมาณหนึ่ง กว่าความกดดันจะลดลง
การได้อ่านข่่าว beartai BRIEF ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในชีวิตมากที่ทำให้ได้รู้ว่าการทำงานข่าวเป็นอย่างไร เพราะว่าทีมงานเบื้องหลังเองต้องเตรียมงานกันหนักมาก คืองานของเราลำบากแล้ว แต่งานมันก็สบายในแบบของมันอยู่ และงานแบบนี้เป็นเรื่องของทีมเวิร์กจริง ๆ มันก็เลยรู้สึกว่าเป็นความสนุกแบบแปลก ๆ เป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจะหาได้ง่าย ๆ อย่างน้อยก็เอาไว้อวดลูกได้ว่าเราเคยอ่านข่าวเลยนะเว้ย (ยิ้ม)
ถ้าถามว่าชอบตรงไหน ชอบตรงที่เรามีอิสระในการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้เยอะครับ ส่วนสิ่งที่อยากให้เพิ่มก็คือ ตอนนี้ผมคิดว่าเราน่าจะทำในส่วนของสกู๊ปได้มากขึ้น คือพอเป็นข่าวรายวันมันก็ดีนั่นแหละครับ แต่ว่าถ้าได้มีการขุดเอาข้อมูลมาเล่า เจาะทีละเรื่อง ผมว่าก็น่าจะสนุก แล้วก็จะเป็นเหมือนการเพิ่มวัคซีน เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับคนด้วย โดยเฉพาะเรื่องของการเพิ่มข้อมูลและตรรกะการคิด
คำถามสุดท้าย คุณคิดว่า ข่าวดี ๆ ทันสมัย จะช่วยให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง
ผมว่ามันหมดสมัยแล้วล่ะครับ กับการเอาข่าวอาชญากรรมขึ้นหน้าหนึ่ง ผมว่าข่าวดี ๆ นี่แหละที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคมให้ดีขึ้น เหมือนอย่างเช่นข่าวสตาร์ตอัปไทยที่เอาโดรนไปช่วยไฟไหม้ อะไรแบบนี้ แล้วเป็นเด็กไทยอายุ 20 กว่าทั้งนั้นเลย ถ้าเราเอาสื่อกระพือข่าวนี้ให้มันดังขึ้น ผมว่ามันจะเป็นทางรอดของสังคมไทยเลย เพราะคนน่าจะไม่ได้สนใจว่าใครยิงใคร ใครฆ่ากันตาย มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรขนาดนั้น
น่าจะเป็นข่าวดี ๆ นี่แหละที่ให้พลังบวกกับสังคม และช่วยสร้างให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นได้ในอนาคต ผมเชื่อว่าเราจะเป็นอีกฟันเฟืองที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะว่าพลังของข่าวมันทำให้ประเทศและสังคมดีขึ้นได้ ถ้าเรากล้าที่จะแสดงจุดยืน กล้าที่จะบอกว่าอะไรดีหรือไม่ดี แม้ว่าในภาวะการเมืองรุนแรงแบบนี้ การพูดอะไรบางอย่่างออกไปมันจะทำให้ถูกเหมารวม แต่ถ้าเราเอาสิ่งนี้ออกจากเนื้อหา เราจะพบว่า ทุกอย่างมันเป็นวิทยาศาสตร์นี่แหละครับ
สำหรับผม สิ่งสำคัญสำหรับสังคมไทยในตอนนี้คือการตั้งคำถามให้เยอะ ๆ เพราะวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นได้จากการตั้งคำถาม หาคำตอบ และสรุปผล ถ้าเราไม่ตั้งคำถามกับสิ่งที่มีอยู่เดิม เราก็จะไม่มีคำตอบ และถ้าเราไม่มีคำตอบ ไม่มีการเอามาพูดคุยแลกเปลี่ยน มันก็จะทำให้ประเทศเราเสียโอกาส
แนะนำ :
เตรียมตัวต้อนรับสู่อนาคต กับ ‘ทศพล พิชญโยธิน’ ทาเลนต์ข่าวเช้า beartai BRIEF
‘นารากร ติยายน’ ประสบการณ์งานทีวี และข่าวไอที “ครั้งแรก” กับ beartai BRIEF
‘ดาว-เดือน’ ทาเลนต์แพ็กคู่ ‘ข่าวx2’ คอนเทนต์ข่าวใหม่เอี่ยมจาก beartai BRIEF
พบกับรายการข่าว beartai BRIEF ทันเทรนด์อนาคต กับข่าวสดยามเช้า
ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ 7 โมงเช้า ที่เพจ beartai BRIEF
ติดตาม beartai BRIEF ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/beartaiBRIEF
Twitter : https://twitter.com/beartaiBRIEF
Blockdit : https://www.blockdit.com/beartaibrief
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส