วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของ ‘นักลงทุนเน้นคุณค่า’ (Value Investor) ที่มีคนนับถือเป็นตัวอย่างทั่วโลกในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เขาเป็นนักลงทุนที่ฉลาดหลักแหลม มีแนวทางการลงทุนในธุรกิจที่แน่วแน่และน่าสนใจ เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีทรัพย์สินรวมแล้วกว่า 115,000 ล้านเหรียญ (ราว ๆ 4 ล้านล้านบาท) หลักแนวคิดเกี่ยวกับเงินและการลงทุนของเขานั้นมักเรียบง่ายและทรงพลังเสมอ อย่างหนึ่งในหลักแนวคิดที่บอกว่า “อย่าลงทุนในธุรกิจที่คุณไม่เข้าใจ” นั้นเป็นบทเรียนที่มักถูกหยิบขึ้นมาพูดถึงอยู่บ่อย ๆ (อย่างเช่นในเวลานี้ที่เหรียญคริปโทกำลังร่วงหนัก และบัฟเฟตต์เคยออกมาพูดเสมอว่าเขาจะไม่ลงทุนในคริปโทเด็ดขาด) เพราะฉะนั้นสำหรับใครก็ตามที่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงิน คำแนะนำจากบัฟเฟตต์จึงได้รับการยอมรับและสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย
- ห้ามขาดทุน
คำแนะนำน่าจะได้ยินบ่อยที่สุดของบัฟเฟตต์คือกฎการลงทุนที่บอกว่า “กฎข้อที่ 1 : อย่าขาดทุน และกฎข้อที่ 2 : อย่าลืมกฎข้อที่ 1” เพราะถ้าคุณติดลบเมื่อไหร่ มันก็จะยิ่งยากมากในการกลับมาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเอากำไรเลย เพราะนั้นจะยิ่งยากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นกฎข้อแรกเลยก็คือ ห้ามขาดทุน - หาของมูลค่าสูงในราคาที่ต่ำ
ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway (กองทุนที่บัฟเฟตต์ดูแล) ในปี 2008 เขาบอกว่า “ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ” การขาดทุนจะเกิดขึ้นได้เมื่อเราจ่ายเงินให้กับสิ่งที่ไม่มีคุณค่าเพียงพอ อย่างเช่นการจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตหรือซื้อของที่คุณแทบไม่เคยได้ใช้ บัฟเฟตต์เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ชีวิตแบบสมถะ หาช่วงจังหวะการใช้จ่ายเงินในช่วงที่ได้ของที่มีมูลค่าสูงในราคาที่ต่ำ เขาบอกว่า “ไม่ว่าจะพูดถึงถุงเท้าหรือหุ้น ผมจะซื้อสินค้าที่มีคุณค่าเมื่อลดราคาเท่านั้น” - สร้างนิสัยทางการเงินที่ดี
ตอนที่เขาไปพูดในงานจบปริญญาที่มหาวิทยาลัยฟลอริด้าในปี 2007 เขากล่าวว่า “พฤติกรรมส่วนใหญ่เป็นนิสัยและมีคนบอกว่าโซ่แห่งนิสัยนั้นเบาเกินกว่าจะรู้สึกได้ แต่หนักเกินกว่าจะทำลายมันได้เช่นกัน” เราต้องพยายามสร้างนิสัยทางการเงินที่ดี อะไรก็ตามที่ไม่จำเป็น การใช้จ่ายที่เกินตัว สุรุ่ยสุร่าย หรือของที่ไม่จำเป็นนั้นกลับมาทำร้ายเราในภายหลังเสมอ - อย่าเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต
บัฟเฟตต์สร้างความมั่งคั่งด้วยดอกเบี้ยจากการลงทุนให้ทำงานแทนเขา แทนที่จะทำงานเพื่อจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคาร เหมือนที่คนส่วนมากทำ เขาบอกว่า “ผมเห็นคนล้มเหลวมากขึ้นเพราะเหล้าและการ Leverage ซึ่งเป็นการยืมเงินมาลงทุน” บัฟเฟตต์กล่าวในการปราศรัยปี 1991 ที่มหาวิทยาลัยนอเทรอดาม “คุณไม่จำเป็นต้องมีเลเวอเรจมากนักหรอก หากคุณฉลาด คุณจะทำเงินได้มากมายโดยไม่ต้องไปยืมคนอื่นเลย”
บัฟเฟตต์เน้นให้ระมัดระวังเรื่องบัตรเครดิตเป็นพิเศษ คำแนะนำของเขาคือหลีกเลี่ยงทั้งหมดเลย “อัตราดอกเบี้ยสำหรับบัตรเครดิตสูงมาก” บัฟเฟตต์เคยกล่าวไว้ “บางครั้ง 18% บางครั้งก็ 20 เปอร์เซ็นต์ ถ้าผมยืมเงินแล้วต้องจ่ายคืน 18% หรือ 20% ผมต้องจนอย่างแน่นอน”
- เก็บเงินสดไว้ในมือบ้าง
กุญแจสำคัญอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงคือการเก็บเงินสดเอาไว้กับตัวบ้าง ซึ่งบัฟเฟตต์เองก็บอกในรายงานเมื่อปี 2014 บอกว่าทาง Berkshire Hathaway นั้นจะเก็บเงินสดไว้อย่างน้อย ๆ 20% หรือมากกว่านั้นของมูลค่ากองทุนเสมอ เขาบอกว่าทั้งธุรกิจและคนทั่วไปต่างพยายามเอาเงินสดไปลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนให้มากที่สุดเสมอ แต่ว่า “เงินสดนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเหมือนออกซิเจน ไม่เคยคิดถึงมันตอนที่มีอยู่ แต่เป็นอย่างเดียวที่คิดถึงเมื่อมันหายไป เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายหนี้ เงินสดเท่านั้นเป็นสิ่งที่จ่ายได้อย่างถูกกฎหมาย อย่าออกจากบ้านโดยไม่มีเงินสดในมือ”
- ลงทุนในตัวของคุณเอง
ข้อมูลจากเว็บไซต์ inc.com บัฟเฟตต์เคยพูดเอาไว้ว่า “ลงทุนในตัวคุณเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คุณเป็นสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดที่มีแล้ว อะไรก็ตามที่คุณสามารถพัฒนาความสามารถและทำให้ตัวเองมีคุณค่าจะให้ผลตอบแทนกลับมาเสมอ ทุกอย่างที่คุณลงทุนในตัวเอง จะได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นสิบเท่า ไม่มีใครมาเก็บภาษี และขโมยไปจากคุณได้” - เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงิน
ส่วนหนึ่งของการลงทุนในตัวเองคือการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเงินและการบริหารเงิน งานในฐานะนักลงทุนบัฟเฟตต์คือการจำกัดและลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด และ “ความเสี่ยงก็มาจากการไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่” บัฟเฟตต์เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสาร Forbes เอาไว้ครั้งหนึ่ง ยิ่งคุณรู้เรื่องการจัดการเรื่องเงินมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ความเสี่ยงของคุณลดลงไปด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นบทเรียนจากเรื่องนี้คือหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนให้ตัวเองเสมอ - เชื่อในกองทุนดัชนีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ
ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์กเชียร์ปี 1996 เขาเขียนไว้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จะพบว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลงทุนในหุ้นสามัญคือลงทุนผ่านกองทุนดัชนีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ คนที่ลงทุนโดยใช้วิธีนี้จะมั่นใจได้ว่าผลตอบแทนสุทธิจะสูงกว่านักลงทุนมืออาชีพและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ด้วย ต่อมาในปี 2004 เขาพูดอีกครั้งว่า “ถ้าคุณลงทุนในกองทุนดัชนีที่มีต้นทุนต่ำโดยที่ไม่ลงทุนหนัก ๆ ในครั้งเดียว แต่ลงทุนถัวเฉลี่ยอย่างน้อยเป็นเวลา 10 ปี คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า 90% ของนักลงทุนที่ลงทุนในเวลาเดียวกัน” - มอบคืนให้สังคม
จากการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ‘Forbes’ บัฟเฟตต์เคยกล่าวว่า “ถ้าคุณเป็นผู้โชคดี 1% ของมนุษย์ที่ร่ำรวย คุณควรจะคิดถึงมนุษย์อีก 99% ด้วย” ซึ่งเขาเองก็เป็น 1% ที่ว่า และมักจะมีข่าวที่เขาบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลอยู่เสมอ และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่อยู่ในกลุ่มของ 1% ที่ว่า การมอบคืนต่อสังคมจะมอบความหมายดี ๆ ให้กับชีวิตของคุณด้วย - มองเรื่องเงินเป็นเกมระยะยาว
ประโยคทองของบัฟเฟตต์ที่เคยพูดไว้คือ “วันนี้มีคนนั่งใต้ร่มเพราะมีคนปลูกต้นไม้ไว้นานแล้ว” และนั่นก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่สุดเลย การปลูกและเลี้ยงดูอะไรสักอย่างหนึ่งโดยเฉพาะเรื่องเงินนั้นต้องอาศัยความอดทนกว่ามันจะออกดอกผลในภายหลัง ซึ่งดอกผลเหล่านี้แหละที่ทำให้ช่วงเวลาบั้นปลายของชีวิตนั้นร่มรื่นไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะเป็นปัญหาให้กับลูกหลาน การมองไปไกล ๆ หลายสิบปีข้างหน้าคือสิ่งที่เป้าหมายในปรัชญาการลงทุนของเขามาโดยตลอดอยู่แล้ว การสร้างความมั่นคงในชีวิตและการเงินนั้นต้องใช้เวลา และตลอดเส้นทางก็จะเจอความท้าทายอยู่เสมอ แต่การมองเรื่องเงินเป็นเรื่องระยะยาวจะช่วยให้เผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งมันก็จะเป็นรากฐานที่สำคัญในชีวิตของคุณเลยทีเดียว
ที่มา: GoBankingRates, Berkshire Hathaway
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส