สัปดาห์ที่แล้ว TerraUSD (UST) ที่เป็น Stablecoin ได้หลุดการตรึงมูลค่าจากดอลลาร์ต่ำสุดที่ 0.26 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งกองทุน Luna Foundation Guard (LFG) ได้ขายบิตคอยน์ที่ถือครองไว้เป็นทุนสำรองมาช่วยพยุง UST แต่การเทขายบิตคอยน์จำนวนมากทำให้ราคาบิตคอยน์ลดลง จนตลาดคริปโทปั่นป่วน จากนั้นได้กอบกู้ UST โดยการสร้างเหรียญ LUNA เพิ่ม จนอุปทานพุ่งกว่า 6 ล้านล้านโทเค็นและราคา LUNA ร่วงลงสู่ 0 เหรียญสหรัฐฯ แล้ววันนี้ LFG ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงทุนสำรองที่ขายไปเพื่อมาช่วยพยุง UST
ก่อนเกิดเหตุการณ์เมื่อ 7 พฤษภาคม LFG ได้ถือครองคริปโทเป็นทุนสำรอง ได้แก่ 80,394 BTC, 39,914 BNB, 26,281,671 USDT, 23,555,590 USDC, 1,973,554 AVAX, 497,344 UST และ 1,691,261 LUNA
ต่อมา 8 พฤษภาคมเมื่อ UST เริ่มหลุดการตรึงมูลค่าต่ำกว่า 1 เหรียญสหรัฐฯ ทาง LFG ก็ได้เริ่มแปลงทุนสำรองมาเป็น UST คือ การขายโดยตรงด้วยการ Swap จาก 26,281,671 USDT และ 23,555,590 USDC ได้รวมเป็น 50,200,071 UST และโอนบิตคอยน์ 52,189 BTC เข้าไปเทรดด้วยคู่สัญญาในยอดกว่า 5,313 BTC ได้เป็น 1,515,689,462 UST
10 พฤษภาคมเมื่อ UST ตกลงมาที่ 0.75 เหรียญสหรัฐฯ ได้ขายบิตคอยน์ 33,206 BTC ได้มาเป็น 1,164,018,521 UST และ 12 พฤษภาคมได้แลก 883,525,674 UST ไปเป็น 221,021,746 LUNA
ปัจจุบันนี้ LFG เหลือสินทรัพย์เป็นทุนสำรองทั้งหมด 313 BTC, 39,914 BNB, 1,973,554 AVAX, 1,847,079,725 UST และ 222,713,007 LUNA
อย่างไรก็ตาม LFG ยังไม่ได้แสดงเอกสารเป็นหลักฐานถึงการทำธุรกรรมใด ๆ ที่ระบุว่ามีการใช้เงินเพื่อปกป้อง การตรึงมูลค่าจากดอลลาร์ของ UST ออกมาอย่างชัดเจน คือมีแค่ยอดตัวเลขเท่านั้น
15 พฤษภาคม ชางเพ็ง เจา (Changpeng Zhao : CZ) ซีอีโอของไบแนนซ์ (Binance) ได้ทวีตแนะนำทีมพัฒนาของ Terra ว่าการมินท์ การฟอร์กเหรียญไม่ได้ช่วยสร้างมูลค่า การซื้อคืนและเผาเหรียญสามารถช่วยได้ และชี้ว่าต้องการเห็นความโปร่งใสจากทีมพัฒนามากกว่านี้ รวมถึงรายละเอียดธุรกรรมบนเครือข่ายของเงินทุนทั้งหมด และคิดว่าความล้มเหลวสามารถเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ความโปร่งใส การสื่อสารที่รวดเร็ว และการเป็นเจ้าของความรับผิดชอบต่อชุมชนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ที่มา : cryptopotato ภาพ : lfg.org
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส