อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ย้ำกับบริษัททวิตเตอร์ (Twitter) อีกครั้งว่าเขาจะยกเลิกดีลการเข้าซื้อกิจการที่ 44,000 ล้านเหรียญ (ราว 1.5 ล้านล้านบาท) หากทวิตเตอร์ไม่สามารถให้ข้อมูลที่เขาต้องการเกี่ยวกับบัญชีสแปมและบัญชีปลอมได้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มัสก์พูดถึงเรื่องนี้ เมื่ออ้างอิงจากจดหมายที่ทนายความของมัสก์ส่งให้กับผู้บริหารฝ่ายกฎหมายของทวิตเตอร์ที่กล่าวหาว่า “ทวิตเตอร์ได้ละเมิดข้อตกลงการซื้อขาย” เป็นข้อยืนยันว่าคำเตือนครั้งนี้คือการยกระดับอีกขึ้นหนึ่ง
ในจดหมายระบุว่า มัสก์สงวนสิทธิ์ทั้งหมดที่จะยกเลิกการเข้าซื้อ ถึงแม้จะมีการตกลงแล้วก็ตาม เพราะว่าการที่ทวิตเตอร์ล้มเหลวในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีสแปมและบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มตามที่ร้องขอนั้น เป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างชัดเจน
ทางฝั่งของทวิตเตอร์เองก็ได้มีการตอบกลับว่า ทวิตเตอร์มีแผนที่จะทำให้ดีลนี้สำเร็จ และเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ โดยจะแบ่งปันข้อมูลที่จำเป็นให้กับมัสก์ตามที่ถูกร้องขอ
ก่อนหน้านี้ มัสก์เคยบอกว่า หนึ่งในเป้าหมายของการซื้อทวิตเตอร์ คือเขาต้องการกำจัดบัญชีสแปมทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์ม ซึ่งเขาต้องการข้อมูลเพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ด้วยตัวเอง เนื่องจากเขาไม่ไว้ใจ ‘วิธีการตรวจสอบที่หละหลวม’ ของทวิตเตอร์
มัสก์ประกาศว่าจะพักดีลนี้ไว้จนกว่าทวิตเตอร์จะสามารถให้ข้อมูลที่ยืนยันกับเขาได้ว่า จำนวนบัญชีสแปมบนแพลตฟอร์มมีน้อยกว่า 5% อย่างที่อ้างจริง ๆ โดยส่วนตัวเขาเชื่อว่าทวิตเตอร์มีบัญชีสแปมอยู่ไม่น้อยกว่า 20%
หลังการประกาศดังกล่าว ราคาหุ้นของทวิตเตอร์ร่วงลง 1.5% มาอยู่ที่ 39.97 เหรียญ ซึ่งห่างจากข้อเสนอซื้อที่ 54.2 เหรียญ ถึง 23% ทำให้นักลงทุนเชื่อว่ามัสก์จะต่อรองขอซื้อที่ราคาต่ำลง หรือไม่ก็เดินหนีจากไปจากดีลนี้
ในกรณีที่มัสก์ยกเลิกดีล เขาจำเป็นต้องจ่ายค่าปรับจำนวน 1,000 ล้านเหรียญ (ราว 34,470 ล้านบาท) ตามข้อตกลง ซึ่งนับว่าเป็นส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยของมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกอย่าง อีลอน มัสก์
ที่มา: Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส