ในทุกตลาดจะมีวัฏจักรของตัวเองที่จะวนกลับมาซ้ำ ๆ สำหรับตลาดคริปโทเคอร์เรนซีก็เคยมีช่วงที่สกุลเงินดิจิทัลหลักอย่าง บิตคอยน์ (Bitcoin: BTC) ได้ร่วงลงมาอย่างรุนแรงหลายครั้ง ทั้งในช่วงปี 2011, ปี 2015 และปี 2018 ซึ่งนำพาให้ตลาดคริปโทฯ ทั้งตลาดได้รับผลกระทบไปด้วย
เมื่อมองแบบนี้แล้ว ตลาดคริปโทฯ ขาลงที่เรากำลังเจออยู่ในปี 2022 นี้ อาจเป็นสัญญาณว่าวัฏจักรนี้ได้วนกลับมาแล้วอีกครั้ง? เรามาลองย้อนอดีตกันดูว่าเหตุการณ์ตลาดคริปโทฯ แดงครั้งรุนแรงในอดีตที่ผ่านมา มีหน้าตาเป็นอย่างไรกันบ้าง?
ปี 2011 และปี 2015
ในปี 2011 บิตคอยน์เคยขึ้นไปทำราคาสูงสุดอยู่ที่ 30 เหรียญ (ราว 1,000 บาท) แต่ในตอนปลายปีราคาก็ได้ร่วงลงมาต่ำกว่า 2.50 เหรียญ (ราว 85 บาท) ซึ่งเป็นการลดลงมาจากจุดสูงสุดถึง 92% เลยทีเดียว
หลังจากนั้นราคาของบิตคอยน์ก็ได้ปรับตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ จากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ในปลายปี 2013 ราคาของบิตคอยน์ได้พุ่งทะลุ 1,000 เหรียญ (ราว 34,000 บาท) เป็นครั้งแรก แต่ในอีก 2 ปีถัดมา ในปี 2015 ราคาของบิตคอยน์ก็ได้ร่วงลงมาต่ำกว่า 200 เหรียญ (ราว 6,800 บาท) อีกครั้ง ซึ่งเป็นการลดลงที่มากถึง 84% ภายในระยะเวลา 2 ปี
ปี 2018 ฤดูหนาวของคริปโทเคอร์เรนซี
ต่อมาในปี 2017 ราคาของบิตคอยน์ก็ได้กลับขึ้นมาทำจุดสุงสุดอีกครั้งที่ 19,783 เหรียญ (ราว 680,000 บาท) ถือเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงมาก และเป็นช่วงที่หลายคนเริ่มได้ยินคำว่าบิตคอยน์เป็นครั้งแรก แต่แล้วในปลายปี 2018 ราคาของบิตคอยน์ก็ได้ร่วงลงมาที่ 5,500 เหรียญ (ราว 180,000 บาท) ซึ่งเป็นการลดลงจากจุดสูงสุดถึง 80% และคงราคาอยู่ประมาณนั้นนานถึง 18 เดือน รวมถึงการล้มหายตายจากของโปรเจกต์ต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้ช่วงระยะเวลานี้ถูกเรียกว่า ‘ฤดูหนาวของคริปโท’ (Crypto Winter)
ปี 2022 การหวนคืนของฤดูหนาวคริปโท?
ช่วงต้นปี 2021 บิตคอยน์กลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นถึง 700% จากเดือนมีนาคม ปี 2020 และขึ้นไปถึง 68,000 เหรียญ (ราว 2,300,000 บาท) ในเดือนเมษายน ปี 2021 ราคาเหรียญคริปโทฯ อื่น ๆ หรือแม้กระทั่ง NFT ก็ได้ทำจุดสูงสุดไปตาม ๆ กันในช่วงเวลานี้ ส่งผลให้มีนักลงทุนเริ่มเข้ามาสนใจการลงทุนในคริปโทฯ มากขึ้น ในขณะที่นักลงทุนคริปโทฯ ที่บาดเจ็บจากหน้าหนาวครั้งก่อน ก็เริ่มมีกำลังใจที่จะกลับเข้ามาลงสนามในตลาดอีกครั้ง เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นยุคทองของคริปโทฯ ก็ว่าได้
ปัจจุบัน ราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาจากจุดสุงสุดดังกล่าวกว่า 50% และดัชนีคริปโทฯ โดยรวมของบลูมเบิร์ก กาแลกซี (Bloomberg Galaxy) ก็ลดลงถึง 60% รวมถึงความเคลื่อนไหวของตลาดที่ลดลงอย่างมากเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ทำให้คนเริ่มคิดว่าการร่วงลงครั้งนี้จะเป็นการปรับฐานราคาครั้งรุนแรงเหมือนตอนปี 2018 และเป็นจุดเริ่มต้นของหน้าหนาวอันยาวนานอีกครั้งหรือไม่ ?
ฤดูหนาวครั้งนี้อาจไม่เหมือนเดิม
ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าการปรับราคาครั้งใหญ่ได้มาถึงแล้ว และยังมีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่ดึงความสนใจออกจากตลาดทุนโดยรวม เช่น สงคราม การขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเหตุการณ์ที่กระทบความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมคริปโทฯ โดยตรงอย่าง การล่มสลายของ Terra แต่ทั้งนี้ภาพรวมของอุตสาหกรรมคริปโทฯ ในปัจจุบันนั้นแตกต่างจากเมื่อตอนปี 2018 อยู่มาก
อุตสาหกรรมบล็อกเชนได้เปลี่ยนจากความสนใจของคนกลุ่มเล็ก กลายเป็นเครือข่ายใหญ่ที่มีคนใช้งานหลายล้านคนต่อวัน และผู้เล่นก็ไม่ใช่แค่นักลงทุนรายย่อยเหมือนปี 2018 แต่ประกอบไปด้วยนักลงทุนสถาบันใหญ่มากมายที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจมากกว่าเดิม รวมถึงบิตคอยน์ที่เริ่มถูกยอมรับเป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายในหลายประเทศ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ‘หน้าหนาวได้มาถึงแล้วจริง ๆ’ แต่คงไม่รุนแรงยาวนานเหมือนกับที่เคยเจอมาในอดีต และที่สำคัญ วัฏจักรและการปรับฐานราคาถือเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกอุตสาหกรรม เพราะไม่มีอุตสาหกรรมไหนจะสามารถเติบโตอย่างเดียวได้ไปตลอด โดยไม่มีการถดถอย
เมื่อจมกับความสงสัย ให้ก้าวออกมามองภาพใหญ่
เมื่อมองภาพรวมแล้ว การปรับราคาครั้งนี้ก็ดูเป็นวัฏจักรปกติที่เมื่อเกิดกระแสความนิยมและการเข้ามาของรายย่อยมากขึ้น ราคาของคริปโทฯ ก็จะพุ่งขึ้นสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมหลายเท่า และเกิดการปรับฐานลงมาหลังจากที่กระแสเริ่มเบาบางลง เพียงแต่ว่าด้วยความใหม่และความผันผวนของตลาด เลยทำให้การปรับฐานแต่ละครั้งนั้นมีความรุนแรงไม่น้อย
สำหรับคนที่ผ่านการปรับฐานราคาในวงการนี้มาหลายครั้งก็คงไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรมาก แถมอาจมองว่าเป็นสัญญาณของการเติบโตที่ดีอีกด้วย เพราะการปรับฐานราคาแต่ละครั้งนั้น เป็นเหมือนการทำความสะอาดตลาดด้วยการกวาดล้างนักเก็งกำไร และโปรเจกต์ที่ไม่ได้มีคุณค่าจริง ๆ ออกไป เห็นได้จากที่ผ่านมาที่ราคาของบิตคอยน์ จะสามารถฟื้นกลับขึ้นมาจากการปรับฐานได้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ทุกเหรียญที่จะกลับขึ้นมาด้วยเสมอไป
ที่มา: Yahoo! Finance, CNBC, Washington Post, Bloomberg
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส