สำนักข่าว CNBC รายงานว่าผู้สนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชน 21 คนจาก 20 ประเทศทั่วโลกได้เขียนจดหมายส่งถึงรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลกลางมีหน้าที่ในการออกกฎหมาย ให้ช่วยปกป้องบิตคอยน์ (Bitcoin) และสินทรัพย์ดิจิทัลโดยอ้างว่าสามารถให้อำนาจแก่ผู้คนในประเทศที่สกุลเงินในท้องถิ่นกำลังล่มสลายหรือถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หลังจากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ได้มีนักเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงส่งจดหมายถึงรัฐสภาฯ วิจารณ์ว่าคริปโทมีความเสี่ยงเกินไปและไม่ได้รับการพิสูจน์
ในจดหมายกล่าวว่าพวกเขาได้ใช้บิตคอยน์และสเตเบิลคอยน์ ซึ่งอนุญาตให้การซื้อขายคริปโทเข้าหรือออกได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร และผู้คนอีกหลายสิบล้านคนที่อยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการหรือเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงก็หันมาใช้คริปโทเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้บิตคอยน์ยังเอื้ออำนวยต่อการรวมและเสริมอำนาจทางการเงิน เพราะมีความเปิดกว้างและเข้าถึงได้อย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาต ซึ่งกลุ่มผู้สนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชนเองก็ใช้บิตคอยน์ในการช่วยเหลือผู้เสี่ยงภัยเมื่อทางเลือกอื่นล้มเหลว
จดหมายยังกล่าวถึงตัวอย่างของประเทศที่เงินตรา (Fiat) เกิดความไม่เสถียรภาพ จึงส่งผลให้ประชาชนหันมาใช้คริปโทเป็นทางเลือก เช่น ไนจีเรีย ตุรกี และอาร์เจนตินา
ทั้งนี้ อเล็กซ์ แกลดสเตน (Alex Gladstein) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของมูลนิธิสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ได้ออกมาตอบโต้การเรียกร้องให้รัฐสภาสหรัฐฯ ปราบปรามคริปโทโดยนักเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียง ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่านักเทคโนโลยี 23 จาก 25 คนนั้นมาจากสหรัฐฯ และยุโรป จึงชี้ให้เห็นคนเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์จากสกุลเงินดอลลาร์และยูโร
ที่มา : cryptoglobe และ cnbc
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส