19 มิถุนายน ช่วง 3.00 น. บิตคอยน์ (Bitcoin) ได้ลงลดสู่ 17,622 เหรียญสหรัฐฯ (620,858 บาท จาก Binance) เป็นระดับราคาการซื้อขายในช่วงเดียวกับเดือนพฤศจิกายน 2020 แม้ว่าล่าสุดจะเพิ่มขึ้นกลับที่ 18,044.99 เหรียญสหรัฐฯ (635,761 บาท) ลดลง 11.49% ในช่วง 24 ชั่วโมง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทั้งสัปดาห์ลดลงถึง 33.51% ซึ่งได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันจันทร์ มาดูกันว่ามีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้างที่มีผลต่อราคา
วันจันทร์ บิตคอยน์ได้ลดลงสู่ 25,890.05 เหรียญสหรัฐฯ (901,931 บาท) ลดลงประมาณ 8.9 % ในช่วง 24 ชั่วโมง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงสุดในรอบ 40 ปี จึงมีความกังวลว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.75%
Celsius บริษัทหลักทรัพย์และให้กู้ยืมคริปโตรายใหญ่ได้ประกาศระงับการถอน แลกเปลี่ยน และโอนระหว่างบัญชีทั้งหมดลงชั่วคราว ด้วยเหตุผลว่าอยู่ใน “สภาวะตลาดที่รุนแรง”
Binance แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้หยุดการถอนบิตคอยน์ลงชั่วคราวเนื่องจากการทำธุรกรรมที่ติดขัด ซึ่งตอนแรกบอกว่าจะใช้เวลาแก้ปัญหาภายใน 30 นาที แต่ก็ต่อมาก็ได้ขอเวลาเพิ่มอีกเล็กน้อย และกลับมาถอนได้ตามปกติ
USDD เหรียญ Stablecoin ของ Tron DAO ได้เริ่มหลุดการตรึงราคาจาก 1 เหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ USDD เป็น Stablecoin ในแบบอัลกอริทึมที่คล้ายกับ UST ของ Terra จึงมีความกังวลว่าจะสร้างความเสียหายเหมือนการล่มสลายของ Terra อีกหรือไม่ ? ซึ่งขณะนี้ราคาอยู่ที่ 0.9596 เหรียญสหรัฐฯ
วันอังคาร บิตคอยน์ได้ลงลดสู่ 20,846 เหรียญสหรัฐฯ (729,036 บาท) ลดลงประมาณ 19.12 % ในช่วง 24 ชั่วโมง และมูลค่าตลาดคริปโทโดยรวมได้ลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (34.94 ล้านล้านบาท) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2021 อยู่ที่ 935,551 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (32.69 ล้านล้านบาท) ดังนั้นเมื่อสายน้ำในตลาดคริปโทเริ่มลดก็จะเริ่มเห็นตอผุดขึ้นมามากขึ้น เริ่มจาก Coinbase ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 18%, Crypto.com ประกาศลดพนักงาน 260 คน หรือ 5% และ Gemini ได้ประกาศลดพนักงาน 10% ทั้งนี้ Binance, Kraken และ Nexo เผยไม่มีแผนเลิกจ้างพนักงาน
สื่อได้ขุดคุ้ยข้อมูลการซื้อบิตคอยน์ที่เก็บไว้ในเงินทุนสำรองของเอลซัลวาดอร์ พบว่าการซื้อ 10 ครั้งมีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (3,502 ล้านบาท) และในวันนั้นได้ลดลงมากว่า 50% เหลือ 51 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,786 ล้านบาท) ต่อมา รมว.คลัง ของเอลซัลวาดอร์เผยว่าเงินลงทุนในบิตคอยน์ได้ลดลง 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,402 ล้านบาท) คิดแล้วไม่ถึง 0.5% ของงบประมาณประเทศ
นอกจากนี้ บิล เกตส์ ได้กล่าวขย่มตลาดคริปโทผ่านการประชุม TechCrunch ว่าแนวโน้มของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น “อ้างอิงตามทฤษฎีที่โง่เขลากว่า 100%” และอ้างถึงแนวคิดที่ว่านักลงทุนสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่ไร้ค่าหรือมีมูลค่าสูงเกินไปตราบเท่าที่ผู้คนยินดีกับราคาที่เสนอให้สูงขึ้น
วันพุธ MicroStrategy ออกมาปฏิเสธว่ายังไม่โดนเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin call) จากการกู้เงินกับธนาคาร Silvergate เมื่อเดือนมีนาคม ด้วยจำนวนเงิน 205 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (6,875 ล้านบาท) โดยใช้บิตคอยน์ที่ถือครองเป็นหลักทรัพย์ประกัน และเนื่องจากเดือนพฤษภาคม ซีอีโอได้เผยว่าหากบิตคอยน์ลดลงต่ำกว่า 21,000 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 734,580 บาท) บริษัทอาจจะโดนเรียกหลักประกันเพิ่มเติม
ดังนั้นการลดลงของบิตคอยน์ที่ต่ำกว่าระดับ 21,000 เหรียญสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารจึงสร้างความกังวลให้นักลงทุนว่า MicroStrategy อาจจะโดนเรียกหลักประกันเพิ่มและมีความเสี่ยงที่เงินกู้จะถูกชำระบัญชีหากบิตคอยน์ร่วงลงมาหนักกว่านี้
วันพฤหัสบดี ในช่วงเช้าบิตคอยน์ได้ดีดตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 22,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 770,000 บาท) เนื่องจากมีความชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ 0.75% เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปีของสหรัฐฯ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็ค่อย ๆ ลดลงและช่วงค่ำได้ลงมาต่ำกว่าระดับ 21,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 730,000 บาท)
วันศุกร์ ช่วงเช้า บิตคอยน์ (Bitcoin) ได้ลงลดสู่ 20,246.66 เหรียญสหรัฐฯ (710,890 บาท จาก Binance) ลดลงประมาณ 10.5 % ในช่วง 24 ชั่วโมง
Three Arrows Capital กองทุนคริปโทได้ออกมายอมรับข่าวลือว่าได้รับความสูญเสียอย่างหนักในช่วงที่ตลาดตกต่ำจากการล่มสลายของ LUNA ตอนนี้กำลังขายสินทรัพย์และหาทางออกมานำเงินเคลียร์กับเจ้าหนี้ คือ BitMEX ในมูลค่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (211 ล้านบาท)
วันเสาร์ ช่วงบ่ายบิตคอยน์ (Bitcoin) ได้ลงลดสู่ 19,066.80 เหรียญสหรัฐฯ (671,761 บาท) ลดลงประมาณ 8.9 % ในช่วง 24 ชั่วโมง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส